แฟนคลับ ทีมเชลซี ตัวยง
งานละคร หนังดังสุดสัปดาห์ ทางช่อง 3
งานพริตตี้
เธอฮอตจนเกินบรรยาย ว่ากันว่าเธอคือพริตตี้เงินล้าน ที่วันหนึ่งมีงานชนกันมากมาย “สตอป-ศรัณย์รักษ์ ศิริรำไพวงษ์” สาวหน้าหมวย ผมยาว ผิวขาว เรียวปากรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ จะให้เธอหวานออดอ้อน หรือจะเซ็กซี่ ก็เชื่อเลยว่าหนุ่มๆ ต้องหัวใจละลาย สตอปคือสาวรุ่นใหม่ไฟแรงที่กำลังฮอตมากในวงการพริตตี้ งานโฆษณา งานละคร และล่าสุดกับการถ่ายแบบสุดเซ็กซี่บนปกนิตยสาร Mars ที่จะมาทำให้หัวใจผู้ชายเร่าร้อน...
หากลองถามผู้ชายที่รักรถ และชอบเดินตามงานอีเว้นต์ต่างๆ ที่มีบรรดาน้องๆ สาวสวย มาคอยยืนโฟนเพื่อแนะนำสินค้าที่จัดแสดง เชื่อได้เลยว่า ชื่อของ “สตอป-ศรัณย์รักษ์ ศิริรำไพวงษ์” จะ เป็นชื่อแรกๆ ที่บรรดาคุณผู้ชายเหล่านั้นจะนึกถึง แม้ว่าช่วงนี้งานอีเว้นต์ต่างๆ จะลดน้อยถอยลง เหตุเพราะพิษมหาอุทกภัย แต่สำหรับพริตตี้หน้าหมวยอินเตอร์อย่างเธอ ยังคงมีงานเข้ามาให้ทำอยู่ตลอดเวลา ทั้งงานถ่ายภาพนิ่ง พิธีกร งานแสดง จนถึงงานแม่ค้าส้มตำ ที่ร้าน Yes! ครก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจของเธอที่กำลังไปได้ดี
วันนี้ M-Lite มานั่งพูดคุยกับสตอป พริตตี้คนสวย ในมุมสบายๆ ที่ไม่ต้องแต่งหน้าจัดจ้าน หรือแต่งตัวเซ็กซี่ อย่างที่หลายคนเห็นเธอตามงานอีเวนต์และที่สำคัญวันนี้เธอจะมาเปิดเผยชีวิ ตพริตตี้ของเธอโดยไม่ต้องมีสคริปต์ให้พูด
ย้อนกลับไป “สตอป” เริ่มต้นงาน พริตตี้ ได้อย่างไร
เริ่มแรกที่สตอปมาเป็นพริตตี้ คือ ตอนนั้นเรายังเรียนอยู่ ปี 3 ที่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย วันหนึ่งเราก็ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ซึ่งตอนนั้นพี่สาวของเพื่อนก็ทำงานพริตตี้ เขาเห็นหน้าเราพอได้ก็เลยชวนให้เข้าไปทำค่ะ ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ได้ทำงานเป็นพริตตี้ค่ะ
ครั้ง แรกที่ตัดสินใจทำเพราะเราคิดว่า เราไปทำงานกับพี่สาวเพื่อนก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเราไปทำกับพี่สาวเค้า เขาก็ดูแลดี เราก็ไว้ใจ ตอนนั้นที่เราไปทำงานเราก็ดูก่อนว่า เราไปทำงานกับใคร ทำที่ไหน งานเป็นยังไงบ้าง งานแรกที่ได้เป็นแจกของรางวัลธรรมดา ได้เงิน 1,500 บาท ดีใจมาก คิดว่าเราหาเงินเองได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ทำงานหาเงินแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้ อยากได้อะไรก็ซื้อเอง
หลัง จากนั้นเราก็เริ่มรับงานเอง ไม่ต้องผ่านเอเยนซีหรือโมเดลลิ่งที่ไหนค่ะ บางทีก็ไปเจอตามงานก็ขอเบอร์เอาไว้ติดต่องาน หรือบางทีก็รับงานทางอีเมล์บ้าง มีทั้งงานคอมมาร์ท งานอีเว้นต์ต่างๆ สตอปเริ่มทำงานเป็นพริตตี้ตั้งแต่ปี 2007 ช่วงแรกที่เข้าไปแคสต์งานพริตตี้รถยนต์ Ssang Yong ตอนนั้นเรายังมือใหม่ ไม่เคยทำงานรถมาก่อน พรีเซนต์ครั้งแรก เป็นการพรีเซนต์งานที่เราเคยทำมา ให้เขาดูวิธีการพูดเรา ว่าเป็นอย่างไร อย่างพวกบ้าน รถ หรือสินค้าที่เราเคยผ่านงานมาก่อน เหมือนเขาจะดูว่าเราพรีเซนต์ได้มั้ย พูดชัดมั้ย เราก็ได้เริ่มเป็นพริตตี้ตามงานมอเตอร์โชว์ มอเตอร์เอ็กซ์โปรบ้าง จนตอนนี้เราก็เป็นพริตตี้ให้กับรถยี่ห้อนี้ประจำไปเลยค่ะ ทำงานจนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปเลย
ประสบการณ์ครั้งแรกกับการทำงานพริตตี้เป็นอย่างไร
เรา ตื่นเต้นมาก ตอนนั้นเป็นงานพรีเซนต์สินค้า มือไม้สั่นไปหมด เพราะเราเองก็เป็นมือใหม่ แล้วเราก็พูดยังไม่ค่อยเก่ง ต้องแก้สถานการณ์ตอนนั้นด้วย แล้วก็ต้องทำงานคู่กับรุ่นพี่อีกคนเป็นบัดดี้กันเวลางาน ถ้าเราพูดไม่ได้ ตอนไหนที่นึกไม่ออก ก็จะมองหน้ารุ่นพี่ไว้ก่อน แล้วพี่เค้าก็จะคอยรับ-ส่งเวลาพรีเซนต์ให้ค่ะ เค้าก็จะช่วยเราได้ ถ้าอันไหนเราไม่รู้จริงเราก็จะไม่พูด
ตอน นี้เหมือนต๊อปเองก็รับเป็นงานพริตตี้รถมากกว่า เพราะเราเองมีปัญหาทางด้านสุขภาพที่เรายืนนานๆแล้วเราจะปวดหลังค่ะ หลังๆ พวกงานที่ยืนพรีเซ็นต์นานๆ ก็จะไม่ค่อยรับเท่าไหร่ค่ะ เพราะงานรถมีเวลาโฟน เป็นช่วงๆ ที่ไม่ต้องมายืนพรีเซ็นต์ตลอดเวลา ตอนทำแรกๆ ก็พอยืนไหว งานอีเว้นต์ คอมมาร์ท หลังๆ ไม่ค่อยรับแล้วค่ะ งานรถ ก็จะสบายหน่อย ได้พักบ้าง ช่วงหลังๆ เราก็จะไม่มีปัญหาเรื่องยืนเท่าไหร่ บางทีเราก็รับงานถ่ายโฆษณา ถ่ายภาพนิ่งบ้าง
เคยเจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีบ้างไหม
ต๊อป รู้สึกว่าช่วงที่เราเริ่มทำแรกๆ คนยังไม่ค่อยรู้จักเรา เหมือนเราเป็นพริตตี้ที่โนเนมมาก ก็จะมีพวกที่เป็นลูกค้าผู้ชาย มาแซว มาพูดจาไม่ค่อยดีเหมือนว่าเขาแซวกันเอง แต่เขาใช้เราเป็นตัวกลาง บางครั้งก็เรียกเราให้ไปนั่งด้วย เขาไม่ค่อยให้เกียรติเราสักเท่าไหร่นะ แต่พอนานๆ ไปเราเองก็เริ่มมีประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้มากขึ้น คนก็เริ่มรู้จักมากขึ้น เราไปทำงานก็ไม่ค่อยทำเหมือนเดิมเท่าไหร่ ให้เกียรติเรามากขึ้น เหมือนตอนนั้นเรายังเป็นเด็กใหม่ เขาจะพูดอะไรก็ได้ แต่เวลาต๊อปทำงาน ต๊อปจะไม่ค่อยวางตัวไม่ดีนะ เพราะเรารู้ว่าเราทำงานอยู่ อย่างมีคนมาพูดไม่ดี ต๊อปก็จะนิ่ง เดินหนีไปเลย หรือบางคนเข้ามาขอเบอร์ เราก็บอกเขาไปว่าเราทำงานอยู่ เราจะไม่ไปพูดเล่นกับเขาค่ะ เพราะบางทีถ้าเราเข้าไปพูดเล่นกับเขาด้วย ก็เหมือนกับว่าเราให้เขาเล่นด้วยได้นะ ต๊อปก็จะนิ่งดีกว่า
เคยเจอพวกโรคจิตบ้างไหม
เคย เจอค่ะ บางคนโทรจ้างให้ไปกินข้าวด้วย หรือบางคนเคยให้รุ่นน้องโทรมาบอกว่า จะจ้างเราไปกินข้าวด้วย ให้เงินแสนนึง เราก็ไม่ไป บางคนเป็นหมอก็มี บางคนก็ผ่านเอเยนต์นะ ต๊อปเองเคยวีนด่าเค้า คนที่โทรมากลางรถไฟใต้ดินเลยนะ เสียงดังมาก แล้วเค้าโทรมาบอกว่า “เขาเองเป็นโมเดลลิ่ง มีงานให้ทำนะ แบบไปกินข้าว น้องเอามั้ย ” เราก็วีนไปเลย นะ ว่า พี่ค่ะ หนูไม่ได้รับงานแบบนี้ ถ้าเป็นงานพริตตี้ งาน MC แล้วพี่ค่อยติดต่อโทรมาหาหนูล่ะกันค่ะ ถ้างานแบบนี้พี่ไม่ต้องมาเรียกหนูเลยนะ เขาก็ไม่ยอม ถามต่ออีกว่าเพื่อนเรารับมั้ย ปรี๊ดเลยค่ะตอนนั้น เลยวีนใส่เลยว่า เพื่อนเราก็ไม่ได้รับงานแบบนี้หรอก ถ้าพี่มีงานแบบคนปกติเขาทำกันพี่ค่อยมาเรียกหนูนะ คนในรถไฟใต้ดินเขาก็งงกันหมดเลย
มีเกณฑ์ในการเลือกงานอย่างไร
ช่วง แรกที่เราเรียนอยู่ ป.ตรี มีงานเข้ามาก็รับหมดทุกงานนะค่ะ แต่จะต้องไม่ล่อแหลม ไม่โป๊ นะ มีเพื่อนไปทำด้วย พอโตขึ้น เราก็เลือกงานว่าเป็นงานอะไร ใส่ชุดอะไร แบบถ้าเป็นงานมอเตอร์โชว์ อาจจะใส่ชุดที่เซ็กซี่หน่อย แต่ก็เซ็กซี่ได้พอสมควร เราก็ทำ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นงานที่แต่งตัวโป๊ๆ เราก็จะไม่รับ ดูงานว่าเราต้องทำอะไรบ้าง บางทีเราก็ไม่ได้เป็นคนเลือกงานเองนะค่ะ อย่างเจ้าของธุรกิจบางธุรกิจเขาต้องการเลือกให้ต๊อปทำงานให้เขา ต๊อปคิดว่า เพราะเราหน้าตา บุคลิก เราเหมาะกับสินค้าเขามั้งค่ะ หรือบางคนก็ชอบการทำงานของเราเป็นการส่วนตัว เขาก็ติดต่อมาโดยตรงเลยค่ะ หรือบางงานที่เราไปแล้วแต่เขามองว่าบุคลิกเราไม่เหมาะกับสินค้าเขาก็มีนะค่ะ ก็จะไม่ได้งานนั้นไป
คิดว่าตัวเองเป็นสาวฮอตในวงการพริตตี้หรือเปล่า
ใน วงการพริตตี้ ต๊อปไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นสาวฮอตนะ เพราะว่าต๊อปเองก็อยู่มานานแล้ว แล้วคนก็เริ่มรู้จักเรามากขึ้น มันก็เหมือนเป็นสัจธรรมนะ ถ้าเราอยู่นาน ก็ต้องมีเด็กรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นมา แล้วก็ต้องมีเด็กที่ต้องฮอตกว่าเราแน่นอนค่ะ ต๊อปก็คิดแบบนี้ ที่มาทำงานพริตตี้ก็เพราะเราอยากมีอาชีพเสริมตอนเรียนก็คงเหมือนพริตตี้รุ่น ใหม่ๆ ตอนนี้ แต่พอตอนนี้เราเรียนจบป.โท เราเองก็เริ่มรับงานมากขึ้น มีคนชวนให้ไปเล่นละคร ถ่ายโฆษณา งานถ่ายภาพนิ่งบ้าง แล้วคนคงเห็นเราบ่อยมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ก็เลยมองว่าเราเป็นสาวฮอตในวงการพริตตี้หรือเปล่าแต่จริงๆแล้วเราไม่ได้ฮอต หรอกมีคนที่ฮอตกว่าเราเยอะเลย
มีเด็กรุ่นๆ ใหม่เข้ามาทำงานมากขึ้น ฐานะที่เราเองอยู่มานานแล้ว มีการพัฒนาตัวเองอย่างไรบ้าง
ยิ่ง โต ยิ่งอยู่นานเราก็ยิ่งแก่เนอะ (หัวเราะ) ก็แค่ดูแลตัวเองเหมือนเดิมแหละค่ะ แต่ก็ไม่ได้ไปบิวด์อะไรให้มันมากมาย ทำงานแบบนี้นอนน้อยเราก็โทรมเร็ว ส่วนใหญ่วงการพริตตี้อยากสวยนานๆ ก็มีทำศัลยกรรมบ้าง ต๊อปว่ามันกลายเป็นเรื่องปกติ ที่หลายๆ คนถ้าทำแล้วรู้สึกว่ามีความมั่นใจมากขึ้นก็ทำเลย เพราะว่าการทำศัลยกรรม มันไม่ได้ทำกันแค่เฉพาะวงการพริตตี้นะ ดารา หรืออาชีพ อะไรก็ทำกัน แต่ถามว่า ถ้าทำแล้วเสพติด ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะว่า ต๊อปเคยเห็นเพื่อนบางคนทำแล้วเสพติดมาก บางคนน่ารักอยู่แล้วก็ไปทำจนหน้าพัง แย่กว่าเดิม คนน่ารักไปทำจะดูแย่ ถ้าดูแล้วตัวเองมีปมด้อยก็ทำ แต่ไม่ใช่เอาปมเด่นของตัวเองไปทำนะ
ต๊อป ยอมรับว่าต๊อปทำจมูกนะ เพราะเมื่อก่อน เราเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วมันดูไม่มีมิติค่ะ เลยปรึกษาคนรอบข้างว่าเราควรทำดีมั้ย บางคนก็บอกว่าอย่าเลยกลัวจะไม่เหมือนเดิม บางคนก็บอกว่าเราหน้าเด็กอยู่แล้ว ตอนนั้นที่เพิ่งจะเรียน จบ ป. ตรี บางคนยังคิดว่าเราเรียนมัธยม อยู่เลยค่ะแต่บางคนก็ให้ไปทำ ก็เลยตัดสินใจศึกษา แล้วก็ไปทำค่ะ พอได้ถ่ายภาพนิ่งออกมามันก็ดูมีมิติมากขึ้น อย่างล่าสุดที่ไปถ่ายให้ นิตยสาร Mars ลุคเซกซี่ของเราก็ดูเป็นสาวขึ้นเลยนะค่ะ ไม่ใช่หน้าเหมือนเด็กๆ อย่างเมื่อก่อน คนเราก็ต้องมีการปรับคาแรกเตอร์กันบ้าง เพราะว่าต๊อปเองไม่ใช่คนที่มีลุคที่ตายตัวว่าเราเป็นสาวหวานน่ารัก หรือสาวเซกซี่ ให้เราเป็นอะไรเราก็ทำได้การทำงานมันจะได้ไม่รู้สึกยากสำหรับเราค่ะ
หลายคนมองว่าอยู่ในวงการพริตตี้ต้องแรงถึงจะอยู่ได้นาน
ต๊อป ขอบอกว่ามันไม่จริงเลยนะค่ะ เพราะพริตตี้บางคนแรงก็ไม่สามารถอยู่ได้ บางคนลุคแรงๆ ไม่ได้เหมาะกับสินค้า คือมันขึ้นอยู่กับบุคคล สินค้าบางอย่างมีคอนเซ็ปต์ในตัวของมัน บางงานมีพริตตี้แรงๆ มาแคสต์ แต่สินค้าเขามีคอนเซปต์ น่ารัก ใสๆ มันก็ไม่ได้อยู่แล้วค่ะ มันต้องแต่งตัวเซกซี่มั้ย แต่มันก็ไม่เกี่ยวนะ การแต่งตัวของเราไม่ได้เกี่ยวกับงาน แต่ถ้าการไปแคสต์งานก็ควรศึกษาสินค้าก่อนแล้วก็ทำให้ตัวเองดูดีค่ะ เซ็กซี่มากๆ ของต๊อป แค่การทำงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปร์ แต่ถ้าเป็นการถ่ายภาพนิ่ง นิตยสาร มันก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราไม่ได้ให้เขามาแตะเนื้อต้องตัวเรา มันเป็นหนังสือ แล้วภาพก็ออกมาสวย
แต่ ถ้าจะมองว่าพริตตี้แรง ต๊อปว่าเป็นเรื่องของการแข่งขันกันสูงมากขึ้นมากกว่าค่ะ เราเองไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร คือปกติเราไม่ค่อยไปแคสต์งาน จะไม่ค่อยไป เราก็ไปงานที่เขาติดต่อมาโดยตรง ไม่ต้องไปแคสต์ เพราะเค้าเคยเห็นเรา หรือบางเจ้า เขาอาจจะอยากให้เราลองไปแคสต์ดู ก็ไปบ้าง ไม่มากเท่าไหร่นะค่ะ สมัยเด็กๆ เราก็ไปแคสต์ การแข่งขันเป็นเรื่องของเด็กรุ่นใหม่มากกว่า ที่ทำให้ตัวเองเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นนะ ช่วงแรกเราก็ไปแคสต์งานนะหลายๆ งาน ตอนนี้เราก็ทำงานเรื่อยๆ ก่อนน้ำจะท่วมก็วันหนึ่งมีงาน 4-5 วัน ต่ออาทิตย์ แต่ตอนนี้ช่วงน้ำท่วมไม่มีงานเลยค่ะ งดทุกอย่าง ว่างมากเลยค่ะ
วงการพริตตี้เป็นวงการมืดจริงหรือเปล่า
มัน ก็จริงนะ ถ้าเขาจะมองแต่จะเหมารวมว่าทุกคนเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ซึ่งอย่างน้อยมันก็มีคนที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างคนที่เรารู้จักก็ไม่ใช่คนแบบนั้นไงค่ะ มันอาจจะมีแค่คนบางกลุ่ม เราก็อาจจะไปบอกอะไรเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขานะ แล้วถ้าคนจะมองว่ามันไม่ดีก็เป็นเรื่องของเขาที่จะมองเพราะในสังคมมันก็ต้อง มีคนกลุ่มนี้อยู่บ้าง
แต่ ถามว่าต๊อปมองว่าเขาไม่ดีมั้ย ก็ไม่ได้มองว่าเขาไม่ดี ถ้าเป็นเรื่องแค่ไปกินข้าวเฉยๆ ก็ไม่ได้ไปเสียหายอะไร แต่บางคนเขาก็ทำในเรื่องเสียหาย จนวงการพริตตี้เราถูกเหมารวมว่าเป็นวงการไม่ดี อันนั้นมันคือแย่ หนักสุด เราก็ไม่ยากเปิดเผยว่ามันแบบไหนนะ แต่ก็มีคนโทรมาหาต๊อปมาถามราคาว่า ถ้าไปนอนด้วย ราคาเท่าไหร่ ทุกอาชีพมันมีแบบนี้หมดนะ อย่าเหมารวมว่าคนที่ทำงานแบบนี้จะเป็นคนไม่ดีแบบนั้นทั้งหมด ให้มองเป็นคนๆ ไป
อย่าง ช่วงแรกๆที่ต๊อปคบกับแฟน เค้าก็จะมองว่าเราทำงานพริตตี้หรอ เลิกทำงานแบบนี้ได้มั้ย มองว่ามันไม่ดีไปเลย แต่พอขาคบกับเราไปเรื่อยๆ เขาก็เข้าใจเรานะ อย่างมีคนโทร.มาเสนอเงินให้เราก็จะบอกแฟนนะว่ามีคนโทร.มานะ เราก็บ่นๆ ด่าให้เขาได้ยินเลยนะ
ก่อนจะมาทำงานนี้ ปรึกษาพ่อแม่หรือเปล่า
เขา ก็เป็นห่วงนะ เพราะต๊อปเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่สาวคนนึง แรกๆ ที่เริ่มทำงานเราก็เรียนด้วย ทำงานด้วย ท่านก็คอยเตือนว่า ให้เราเรียนด้วยนะ ไม่ใช่ว่าทำงานอย่างเดียว จนเรียน ป. โท ก็ยังเตือนตลอดค่ะ พอเรียนจบแล้วเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรแล้วค่ะ ถามว่ากังวลมั้ยว่าจะกลัวเสียภาพลักษณ์ครอบครัวมันก็มีบ้าง เพราะเราเป็นคนต่างจังหวัด คุณพ่อเป็นนายอำเภอด้วยที่อุดรฯ แล้วคนต่างจังหวัดก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยเปิดใจกับการทำงานแบบนี้เท่าไหร่นัก พ่อเราก็มีคนรู้จักเยอะ ต่างจังหวัดสังคมมันแคบ อย่างถ้าผู้หญิงแต่งตัวหน่อยก็จะนินทากันแล้วค่ะ แต่คือเราก็รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรเสียหายอะไร มันก็เป็นงาน ต๊อปเองก็คิดว่า เราทำงานแบบนี้ เราก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ ไม่ใช่ว่าเราทำงานแล้วเราจะไม่เป็นโล้ เป็นพายนะ พ่อหวงนะ เค้าก็จะเป็นห่วง เวลาทำงานก็จะโทรถามตลอดว่าเราทำงานเลิกกี่โมง ออกไปกินข้าวกลับเพื่อนก็โทรตาม
ชีวิตวัยเด็กที่ต่างจังหวัดเป็นยังไง
ต๊อป เองอยู่ ต่างจังหวัดจนถึง ม.6 ม.1-3 อยู่อยุธยา แล้ว ม.4-ม.6 เราก็มาอยู่กับพ่อที่อุดรฯ ก็วัยรุ่นปกติ เราก็ซ่าส์ๆ แล้วเราก็เข้ามากรุงเทพ ความซาส์ก็หายไป เรียบร้อยขึ้นจนเพื่อนตกใจ
ตอน เด็กเรียนมัธยมฯ เราก็ซ่าส์มาก มีอยู่วันหนึ่งอยากกินฝรั่งแช่บ๊วย แล้วที่ต่างจังหวัด ช่วงนั้นฝรั่งแช่บ๊วยเพิ่งเข้ามา มันอร่อยมาก แล้วนึกอยากกินมาก แต่ตอนเช้าเข้าโรงเรียนมาแล้วทำไงดี คิดกับเพื่อนสองคนว่าต้องไปซื้อให้ได้ ก็เลยปีนข้ามรั้วโรงเรียนไปซื้อฝรั่งแช่บ๊วย ปีนรั้วสูงมาก แต่ด้วยความที่มันแจ๊กพอตหรืออะไรสักอย่าง ที่มีข่าวช่อง ไอทีวี สมัยนั้นเขาไปจอดรถทำข่าวอยู่ข้างๆ โรงเรียนพอดี แล้วเขามาถ่ายวิดีโอ ตอนที่เรากำลังปีนรั้ว แล้วเอาไปลงสกู๊ปเขาอ่ะ ว่า นักเรียน นักศึกษา ปีนรั้วออกมาขายตัว ค้าประเวณี ซึ่งตอนนั้นข่าวฮิตมาก แล้วภาพมันเป็นตอนที่เรากำลังปีนรั้วพอดี ข่าวมันออกช่วงกลางคืน พอเพื่อนๆ เห็นเราในข่าว ตอนเช้าก็เอามาบอกค่ะ ว่า เมื่อคืนออกข่าวนะว่าเราปีนรั้วออกไปค้าประเวณี ซึ่งๆ จริงเราไปซื้อฝรั่งแช่บ๊วยมากินนะ เราก็เดือดร้อน ไปบอกอาจารย์ฝ่ายปกครองค่ะ ว่า เราออกไปซื้อฝรั่งนะ แม่ค้าเป็นพยานได้ ซึ่งพอไปบอกอาจารย์เค้าก็บอกว่า กำลังหาตัวอยู่พอดีว่าเป็นใคร เราเองที่ปีนรั้วออกไป ก็ไปบอกกับอาจารย์ก่อนที่เขาจะเข้าใจผิด ก็โดนเรียกผู้ปกครองไป ถึงตอนเด็กซาส์ ยังไงเราก็เป็นเด็ก ใจร้อน แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนะ แต่พอเป็นผู้ใหญ่อารมณ์เย็นขึ้นก็เรียบร้อยขึ้น
ถ้าไม่ได้เป็นพริตตี้ สตอปอยากทำอะไร
อนาคต ถ้าเราเลิกเป็นพริตตี้ เราก็จะอยู่ไปจนกว่าบริษัทรถซังยองจะเลิกจ้าง เคยมีบางค่าย ใหญ่ๆ ก็มาตามให้ไปทำด้วย แต่เราไม่ไปนะ เพราะเราถือว่าที่นี่เป็นเหมือนครอบครัวกันไปแล้ว หนูอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรก เราก็สนิทกับพี่ๆ เขาแล้ว เราตอนนี้เหมือนเราคอยช่วยงานเค้าไปแล้ว เลือกชุดเสื้อผ้า หาคนตัดผ้า เค้าก็ดีกับพริตตี้ทุกคน มันไม่ใช่งานประจำ แต่พอถึงงานมอเตอร์โชว์ เขาก็จะให้เราคอยช่วยดูแลงาน เหมือนหนูก็อยู่ที่นานมาก แล้วจนรู้ว่างานเป็นยังไง ก็แฮปปี้ดีค่ะ บางคนแต่งงานแล้วก็เลิกงานพริตตี้นะ
ถ้าเราไม่ได้เป็นพริตตี้ก็อยากเป็นเจ้าของธุรกิจสักอย่างนึงนะ เพราะงานธุรกิจตอนนี้มันเหมือนเป็นแค่งานเริ่มต้น เราไม่ชอบทำงานบริษัท เราไม่ชอบให้ใครมาสั่งเราทำงานนะ อย่างตอนนี้เราก็เริ่มมีธุรกิจร้านส้มตำ “Yes! ครก” นี่ก็เพิ่งเปิดมาได้ 3-4 เดือนเองนะ สองเดือนแรกขายดีมาก เพราะมันอยู่ในโซนนักศึกษา แล้วร้านแถวนี้ก็มีแต่ร้านกาแฟ แต่ร้านส้มตำแบบนี้ยังไม่มีมากเท่าไหร่ แล้วส้มตำคนกินได้ทุกวัย คนเยอะช่วงกลางวันกับช่วงเย็นค่ะ เวลาเราไปทำงานเพื่อนก็จะมาช่วย ใครว่างๆ ก็แวะมาอุดหนุนร้านส้มตำของเราได้นะค่ะ
คติในการใช้ชีวิต
ต๊อป ไม่มีนะ เราจะใช้ชีวิตให้ตัวเองมีความสุข ทำอะไรที่มีความสุข ถ้าเราทำอะไรที่ไม่มีความสุขเราก็จะแสดงออกเลยว่าเราทำไม่มีความสุขนะ อย่างถ้าให้แฟนบอกว่าเลิกทำงานพริตตี้โดยที่เขายังไม่เห็นตัวตนแท้จริงว่า เราเป็นยังไง ก็ไม่มีความสุขนะ ต๊อปเองจะทำทุกอย่างที่ตัวเองมีความสุข ผู้ชายที่เข้ามาเป็นแฟนต๊อป ก็จะต้องเข้าใจเรา และก็ดูแลเราได้ อบอุ่น จะไม่ชอบผู้ชายขี้เก๊ก โอ้อวดว่าตัวเองมีเงินหรือว่าดูถูกคนอื่น ต๊อปมีความสุขที่จะทำงานพริตตี้ มีบ้างที่เขาบอกให้เราเลิกทำ ก็แซวว่าเราแก่บ้าง แต่ช่วงนี้ทำร้านด้วย ทำงานด้วย เก็บเงินไปก่อน ทำงานพริตตี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะหวง
คิดว่าอะไรในร่างกายของตัวเองเซ็กซี่
ไม่ มีส่วนไหนที่คิดว่าตัวเองเซกซี่ เลยนะ แต่ถ้าให้เลือกก็คิดว่า ปากตัวเองนี่แหละค่ะ เพราะว่าชอบปากตัวเอง ได้รูปดี เวลาถ่ายรูปออกมาแล้วมันก็สวยดีนะ
สุดท้ายอยากฝากบอกอะไรบ้าง
ก่อน อื่นฝากเลยว่าไม่อยากให้ทุกคนมอง ว่างานพริตตี้ไม่ดีนะ เพราะถ้ามองอย่างนั้นมันก็เป็นงานที่เหมารวมกันเกินไป คนที่ดี แต่มาทำพริตตี้ก็มีเยอะนะ มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล บางทีคุณอาจจะไปเจอคนที่ไม่ได้ทำงานแบบนี้ แต่อาจจะแย่กว่าพวกเราก็ได้ ลองเข้าไปเรียนรู้ หรือศึกษาดูว่าเขาเป็นยังไงกันบ้าง อย่ารวมว่าพริตตี้ไม่ดีนะ
แล้ว ก็อย่าลืมติดตามผลงานของต๊อปด้วย นะค่ะ นอกจากงานพริตตี้แล้ว ก็ยังมีงานถ่ายภาพนิ่ง งานโฆษณาตามหน้าจอทีวี แล้วก็มีเล่นละคร หนังดังสุดสัปดาห์ อย่าลืมติดตามนะค่ะ
****************************************
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-สกุล : ศรัณย์รักษ์ ศิริรำไพวงษ์ (สต็อป)
วันเกิด : 11 กรกฎาคม 2527 อายุ 28 ปี
สัดส่วน : 32-25-36
ประวัติการศึกษา : ปริญญาตรี ด้านสื่อสารมวลชนจาก ม.หอการค้าไทย, ปริญญาโท ด้านธุรกิจ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์
ประวัติการทำงานพริตตี้/พรีเซ็นเตอร์ : Boss Mag. , Mars Mag. , Bikini Mag. , Modern Mom Mag.
ละครซิดคอม เรื่องยมโลกโซไซตี้ ช่อง 3, ละครซิดคอมเรื่องจัดแจ่ม ช่อง ทรูเฮฮา(23),หนังดังสุดสัปดาห์ทางช่อง 3
โฆษณาทีวีธนาคารกรุงศรี, ธนาคารกรุงไทย, ประกันภัยไทยวิวัฒน์, คลอเร็ท, กาแฟเนเจอร์กิฟ, DTAC, เครื่องสำอาง Purse (on air ASTV)
โฆษณา Print Ad กาแฟ Absolute, เครื่องสำอาง nine teen
Mc Motor Show/Expo SsangYong Car 2007-2010
Mc, Pretty งานเปิดตัวสินค้าต่างๆ
ตำแหน่งหรือรางวัลที่เคยได้รับ : รองอันดับหนึ่ง miss kick off จาก หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
Miss Presenter motorshow 2008
ความใฝ่ฝันในอนาคต : การมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
****************************
ขอบคุณ นิตยสาร Mars