ถาดแชมป์เมืองเบย




ถาดแชมป์สีเหลือง

ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์จะเป็นทีมที่เถลิงแชมป์บุนเดสลีกาในบั้นปลาย ป้องกันแชมป์ได้เป็นทีมแรกในรอบ 6 ปีหลังจากเอฟเซ บาเยิร์น มิวนิคจัดไปสองสมัยติดในฤดูกาล 2004-2005 และ 2005-2006

เชื่อและมั่นใจตั้งแต่ช่วงที่เสือเหลืองทิ้งห่างเสือใต้ 7 คะแนนในเดือนมีนาคม หรือแม้กระทั่งทีมรวมดาราไล่กระชั้นชิดเข้ามาเหลือ 3 แต้มก่อนบิ๊กแมตช์ระหว่างทั้งสองค่ายจะระเบิดขึ้น

ภายหลังผลการแข่งขันที่ซิกนัล อิดูน่า ปาร์คจบลง 1-0 จากประตูโทนของโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ช่วยตอกย้ำและทวีคูณความมั่นใจของผมและแฟนบอลส่วนใหญ่อย่างไม่ ต้องสงสัย

 



ดอร์ทมุนด์ 1 - 0 บาเยิร์น บุนเดสลีกา 11/4/2012 - ดูคลิปทั้งหมด คลิกที่นี่

 

 


"ช่องว่างห่างเกินกว่าดอร์ทมุนด์จะโง่ทำแชมป์หลุดมือ" ไม่ใช่ว่าผมดูถูกดูแคลนเสือใต้ ประเด็นเสือเหลืองไม่เหลือเกมยุโรปให้พะวงก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่าไหร่

บาเยิร์น มิวนิคที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกและนัดชิงดำเดเอฟเบ โพคาล รวมถึงมีลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์(ก่อนพ่ายดอร์ทมุนด์)ยังคงเป็นทีมที่น่าเกรงขาม ติดหนึ่งในสามของแผ่นดินยุโรป ผมเคารพเสมอ

แต่ก่อนอื่นเท้าความถึงเกมที่ดอร์ทมุนด์เจอลูกฮึดเฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ทบุกมาทะลวงตาข่ายเจ๊า 4-4 มันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถประสบพบเจอกันได้ทุกทีม อีกทั้งช่วงหลัง "ม้าขาว" เป็นทีมที่ใช้โอกาสไม่เปลือง บางนัดมีโอกาสหก-เจ็ดครั้งก็กดได้ถึงสี่-ห้าประตู

อาจไม่เว้นแม้แต่บาร์เซโลน่าทีมจากต่างกาแลคซี่ วันที่ช๊อตก็แพ้หรือเสมอได้ทั้งที่น่าจะชนะ ก็ลูกฟุตบอลมันกลมดิ๊กซะขนาดนั้น

ถามว่าโอกาสดอร์ทมุนด์พังคาบ้านมีมั้ย ? แน่นอน เกมใหญ่ระดับนี้มันออกได้ทั้ง 3 หน้าแถมบาเยิร์นมีซูเปอร์สตาร์ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ด้วยตัวคนเดียว อยู่หลายหน่อ

แต่ผมให้น้ำหนักในหน้าที่สาม(เจ้าบ้านแพ้)น้อยที่สุดเพราะ

1. ดอร์ทมุนด์มีบทเรียนจากเกมเสมอสตุ๊ตการ์ท

2. บาเยิร์นมักใช้โอกาสเปลืองกว่าสตุ๊ตการ์ท

3. แข่งกันที่สนามเหย้าของดอร์ทมุนด์ซึ่งไม่แพ้ทีมใดในบุนเดสลีกานับตั้งแต่ พ่ายต่อแฮร์ธ่า เบเอสเซ เบอร์ลิน 1-2 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2011

4. สไตล์การเล่นดอร์ทมุนด์ภายใต้การกุมบังเหียนของเจอร์เก้น คล็อปป์เป็นของแสลงสำหรับบาเยิร์น มิวนิค (และทีมอื่นที่ถนัดบุกเข้าใส่)

ผมเชื่อในคุณภาพ "เกมรับ" "เกมสวนกลับ" และ "การเล่นวันทัช" ในแอเรียสุดท้ายที่ดอร์ทมุนด์เหนือกว่าทีมใดในบุนเดสลีกา มันเป็นข้อดีของทีมที่ไม่มีซูเปอร์สตาร์ตัวเลื้อยระดับโลก และหากขึ้นนำได้ก่อนงานของพวกเขาจะง่ายขึ้นจมหู

มานูเอล นอยเออร์ปฏฺิเสธไม่ให้การขึ้นนำเร็วเกิดขึ้น ออกมาปิดมุมจังหวะอิลคาย กุนโดกานแทงคิลเลอร์พาสถึงยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้หลุดมายิงจน "คูบ้า" ดีดออกหลัง เซฟการเข้าฮอสของเควิน โกรสครอยซ์ในระยะประชิด ต่อด้วยรับบอลที่โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้กลับตัวยิงด้วยซ้าย นี่คือความแตกต่างที่ผู้เล่นระดับโลกพร้อมมอบให้ต้นสังกัดก้าวสู่ความสำเร็จ

น่า เสียดายแทนชาวบาวาเรี่ยนที่มันไม่ใช่สำหรับเกมสำคัญเกมนี้ ไม่อยากเชื่อตาตัวเองว่า 45 นาทีแรกบาเยิร์น มิวนิคหาโอกาสยิงแบบจะแจ้งไม่เจอแถมเกือบโดนพังตาข่ายท้ายครึ่งแรกหลังเลวาน ดอฟสกี้โขกไปชนเสา

ต้องชมเชยเกมรับที่ยอดเยี่ยม ใส่ใจ มีสมาธิกับเกมริมเส้นสองฝั่งของทีมเยือนไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาคู่

การเล่นอีกอย่างที่จุ๊ปป์ ไฮย์เกสมักใช้เพิ่มความหลากหลายในเกมรุกคือมอบหมาย "ตัวฟรี" โธมัส มุลเลอร์เป็นตัวเชื่อมเกมริมเส้นจากอาร์เยน ร็อบเบนหรือฟรองค์ ริเบรี่กับกองหน้าหรือแถวสองในกรณีเล่นบอลสั้น ไม่ได้ครอสเข้ามา

ดังนั้นพอมุลเลอร์ถูกดอร์ทมุนด์ปิดอีกรายบอลก็แทบไม่ถึงมาริโอ โกเมซเลยทีเดียว ใช้การเปิดเข้ากลางจากปีกหรือฟูลแบ็คเลยกินเสือเหลืองยากครับ

แต่ตราบใดที่กติกาฟุตบอลยังตัดสินกันที่จำนวนประตูบาเยิร์นก็มีโอกาสชิงขึ้น นำก่อนเพื่อความได้เปรียบ และช่วงนาทีที่ 60-70 ดอร์ทมุนด์มีอาการเดียวกับเกมพบสตุ๊ตการ์ทให้เห็นอีกด้วย

จิตใจแกว่ง เจอเพรสซิ่งสูงตั้งเกมไม่ติด บอลจากหลังไปกลางขาดความแม่นยำ เก็บบอลตรงกลางไม่ได้ เสียบอลในแดนตัวเองบ่อยเกินอัตรา

สตุ๊ตการ์ทซึ่งเฉียบคมลงโทษได้ถึง 3 ลูกในช่วง 8 นาทีนรก แต่บาเยิร์นกลับทำไม่ได้สักลูกเดียว ตัดบอลได้แต่แปรเปลี่ยนเป็นบอลจังหวะสุดท้ายที่มีประสิทธิภาพไม่สำเร็จ

ทั้งนี้วินัยแนวรับของเจ้าบ้านมีข้อบกพร่องน้อยด้วยเมื่อเป็นฝ่ายไม่มีบอล การยืนตำแหน่ง ประกบตัว และเช็คล้ำหน้าค่อนข้างรัดกุม ไม่รั่วเหมือนเกมเสมอม้าขาว

ความผิดพลาดประเภทเสียบอลแดนตัวเองหรือออกบอลจากหลังไปกลางไม่ละเอียดมี สิทธิ์โดนลงโทษง่ายที่สุด แต่เมื่อกลับมาแก้ตัวทันท่วงทีจึงรอดตัว

จนกระทั่งประตูชัย 1-0 บังเกิดขึ้นก่อนหมดเวลาเพียง 13 นาที เจ้าบ้านเล่นเตะมุมสั้น มาร์เซล ชเมลเซอร์ครอสเข้าไปถูกเคลียร์ออกมาก่อนโกรส ครอยต์ซเก็บตกแถวสองยิงสวนไปเข้าทางเลวานดอฟสกี้ที่ยืนหันหลังให้ประตูใช้ สัญชาติญาณดาวยิงไขว้เปลี่ยนทางซุกก้นตาข่าย

นักเตะบาเยิร์นชูมือฟ้องล้ำหน้ากันสลอน แต่อาร์เยน ร็อบเบนยืนห้อยอยู่เป็นตัวสุดท้ายประตูนี้จึงใสสะอาดไร้มลทิน

เท่านั้นไม่พอบาเยิร์นมีโอกาสตีเสมอที่ชัดเจนที่สุดเมื่อปีกหัวไข่โดนโรมัน ไวเดนเฟลเลอร์รวบในเขตโทษและลุกขึ้นมาสังหารเองโดยหน้าที่ แต่บอลก็ไม่ผ่านมืออดีตนายด่านไกเซอร์สเลาเทิร์นล้มตัวคว้าติดมือ

พ่วงด้วยการยิงเบิร์ดในช่วงทดเวลาบาดเจ็บชี้ชะตาเสือใต้ จบเกมพ่าย 0-1 ชายที่ชื่ออาร์เยน ร็อบเบนคล้ายกับมีสภาพเป็นแพะก็ไม่ปาน

ครั้นจะกล่าวโทษปีกหัวไข่ก็แลดูโหดร้ายเกินไป จังหวะเสียประตูเขาเป็นตัวยืนคุมเสาซึ่งวินาทีที่โกรสครอยต์ซสัมผัสบอลในการ ยิง(ที่กลายเป็นแอสซิสต์)เขาพยายามดันตัวเองขึ้นเช็คล้ำหน้าตามปกติแล้ว ถือว่าค่อนข้างสุดวิสัย

และการรับหน้าที่ยิงจุดโทษในเกมสุดสำคัญกึ่งบังคับต้องชนะสถานเดียวหรือ อย่างน้อยต้องมีแต้มโดยเฉพาะเป็นช่วงห้านาทีสุดท้ายที่ต้อง "ทำให้ได้" มันกดดันกว่าเดิมถึงเท่าตัวครับ

ยอดนักเตะหลายรายเคยพ่ายแรงกดดันมาแล้วเช่นโรแบร์โต้ บาจโจ้ในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศปี 1994, ราอูล กอนซาเลซในแมตช์ดวลฝรั่งเศสศึกยูโร 2000 รอบควอเตอร์ไฟน่อล หรือฮวน โรมัน ริเกลเม่ที่ยิงจุดโทษติดเซฟเยนส์ เลห์มันน์ของอาร์เซน่อลในเกม UCL รอบรองชนะเลิศปี 2006

กรณีร็อบเบนมีส่วนคล้ายริเกลเม่แต่หนักกว่าตรงเป็นเกมเยือน ภายใต้สภาวะกดดันจากทั้งสถานการณ์และเสียงคำรามของกองเชียร์เจ้าบ้านอาจเผลอ ใส่แรงมากเกินหรือเตะไม่ถูกจุดที่ต้องการจนลอยละลิ่วไปไกลก็เป็นได้ เขาเน้นให้เข้ากรอบไว้ก่อนเช่นเดียวกับอดีตจอมทัพบีญาร์เรอัล

เมื่อเลือกยิงเน้นให้ตรงกรอบจึงไม่มุมพอ+น้ำหนักไม่แรงเท่าที่ควร ไวเดนเฟลเลอร์อ่านทางบอลออกก็ game over ทันที

อ่านไม่ยากครับเพราะร็อบเบนไม่มีกะจิตกะใจมองหลอกหรือคิดแผนซ้อนแผนแน่ ส่วนช็อตที่เซ็นเตอร์แบ็คเจ้าบ้านโหม่งเคลียร์ไม่ขาดบอลตกใส่คานเด้งเข้าหา ปีกดัตช์แมนแปซ้ำออกไปไกลเหมือนใจเขาแกว่งเต็มสตรีม คงมีแต่คนที่เคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันที่จะเข้าใจอารมณ์นั้น

และจะว่าไปก็เป็นจังหวะที่ยิงไม่ง่าย เพราะไม่ถึงกับโล่งเสียทีเดียว

ปกติเขาเป็นตัวความหวังที่พร้อมสร้างความแตกต่างซึ่งไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง อีกต่อไป ประตูแห่งความทรงจำในเกมบุกดับฟิออเรนติน่าหรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2010 บ่งบอกได้อย่างชัดเจน

ขณะค่ำคื่นที่ผ่านมาบอกได้เพียงว่า "ไม่ใช่วันของร็อบเบน" และเป็นเกมที่เสือใต้ทำได้ไม่ดีพอ

ช่องว่างถีบออกห่างถึง 6 คะแนนขณะที่เหลือโปรแกรมอีกเพียง 4 นัด คงเป็นเรื่องตลกสิ้นดีหากแชมป์บุนเดสลีกาไม่ใช่โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ไม่ต้องอัญเชิญเกจิหรือกูรูสำนักไหนมาก็ฟันธงได้กลาย ๆ

เพราะบาเยิร์น มิวนิคจำเป็นต้องลุ้น เอ้ย แช่งให้ดอร์ทมุนด์เก็บได้ไม่เกิน 6 จาก 12 คะแนนแล้วตัวเองชนะรวดก่อนเบียดซิวถาดแชมป์ไปด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ เหนือกว่า

มันเกิดขึ้นได้ยากมากแม้สองนัดถัดไปเสือเหลืองมีคิวดวลกับทีมอันดับ 3 และ 4 ของตารางคือเยือนเอฟเซ ชาลเก้ 04 ต่อด้วยเปิดบ้านรับโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคเพราะทีมอันดับ 2 ยังพลาดท่าทั้งไป-กลับ จากนั้นสองนัดสุดท้ายเยือน 1. เอฟเซ ไกเซอร์สเลาเทิร์นทีมมหาสากและเปิดบ้านพบเอสเซ ไฟร์บวร์กซึ่งไม่เหลือบ่ากว่าแรง

มองเหลี่ยมไหนโอกาสที่ดอร์ทมุนด์จะทำแต้มหล่นเกิน 6 ภายใต้ข้อแม้ว่าบาเยิร์นต้องชนะ 1. เอฟเอสเฟา ไมนซ์ 05, แวร์เดอร์ เบรเมน, เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท และ 1. เอฟเซ โคโลญจน์ในช่วงที่มีโปรแกรมฟุตบอลยุโรปกับเรอัล มาดริดมาบั่นทอนพลังกายนั้นแทบเป็นไปไม่ได้

คงไม่เกินเลยไปหากจะบอกว่าบรรดาผู้เกี่ยวข้องสามารถเริ่มวางแผนเตรียมงานฉลองไว้แต่เนิ่น ๆ ได้แล้ว

และทั้งเมืองดอร์ทมุนด์ก็จะถูกฉาบไปด้วยสีเหลืองอีกครา...


_________________

Credit: ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก soccersuck.com
13 เม.ย. 55 เวลา 15:13 2,984
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...