ตัวจริงโผล่แจง“เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”

วลีเด็ดฮิตอินเตอร์เน็ต“เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่”มีผู้เข้าชมแล้วกว่าครึ่งล้าน เผยที่มาแค่เด็กม.1ทะเลาะกัน

วันนี้ (10 เม.ย.) กรณีกระแสโด่งดังในโลกออนไลน์จากที่มีคลิปของเด็กชายรายหนึ่งออกมาเผยแพร่ในโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อวันที่ 8 เม.ย.เป็นการระบายความคับแค้นใจที่ถูกเพื่อนซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง ขับไล่ตนออกจากกลุ่มในการทำงาน โดยคลิปนี้กำลังเป็นที่สนอกสนใจของคนทั่วไปมีคนเข้าชมแล้วกว่า 570,000ราย มีผู้คลิกแสดงความชอบกว่า 12,000 คน และไม่ชอบกว่า 11,000 คนเนื่องจากมีประโยควลีฮิตที่ว่า “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอเข้าพบกับ ครูอังคณา ผู้ที่ตกอยู่ในวลีฮิตนี้ ซึ่งเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนกระทุ่มแบน “วิเศษสมุทคุณ” อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก นายบุญชอบ สาธร ผอ.โรงเรียน และ นางอังคณา แสบงบาล อายุ 36 ปี ตำแหน่งครู คส.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สอนวิชาวิทยาศาสตร์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย อีกทั้งยังเป็นครูที่ปรึกษาของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1/9 ซึ่งเป็นห้องนักเรียนพิเศษที่มีความสามารถสูงกว่าห้องอื่นๆ และเป็นห้องที่เด็กชายเจ้าของคลิปศึกษาอยู่
นางอังคณา เปิดเผยถึงที่มาของคลิปนี้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา โดยนักเรียนในห้องซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 28 คน เป็นนักเรียนชาย 8 คน และนักเรียนหญิง 19 คน ได้ร่วมกันทำงานกลุ่มซึ่งเด็กๆได้ตั้งกลุ่มเฟสบุ๊กขึ้นมา เพื่อปรึกษาหารือและพูดคุยเรื่องงานกันผ่านทางเฟสบุ๊ก โดยมีครูและเด็กชายเจ้าของคลิป เข้าร่วมเป็นเพื่อนในกลุ่มด้วย ซึ่งจากคำบอกเล่าของหัวหน้าห้องบอกว่า ในขณะที่เพื่อนๆ กำลังปรึกษากันเรื่องงานที่จะต้องทำส่งอาจารย์อีกท่านหนึ่งนั้น เด็กชายเจ้าของคลิปได้เข้ามาโพสต์ จุด จุด จุด ทำให้การปรึกษาเรื่องงานของเพื่อนๆมีปัญหาและขาดตอนไป หัวหน้าห้องจึงได้บล็อกไม่ให้เข้ามา ซึ่งก็ทำให้เป็นที่มาของคลิปดังกล่าว โดยหลังจากที่มีการโพสต์คลิปดังกล่าว ก็ได้เรียกเด็กคู่กรณี มาพูดคุยสอบถาม ซึ่งนักเรียนทั้งสองคนก็ไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองกันและเข้าใจกันดี เพื่อนๆก็รับเด็กชายเจ้าของคลิปเข้ามาทำงานในกลุ่มเหมือนเดิม
นางอังคณา กล่าวต่อว่า กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีคนมาบอกว่า คลิปนี้ถูกโพสต์ในโลกอินเตอร์เน็ตและกำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก มีคนเข้าไปชมหลายแสนครั้ง ก็ทำให้รู้สึกงงและสงสัยว่า ทำไมคลิปนี้ถึงได้เป็นที่สนใจของคนทั่วไป เพราะไม่มีอะไรที่น่าสนใจและเรื่องก็จบลงไปตั้งแต่ ต้นเดือน ม.ค.ที่แล้ว ซึ่งเด็กชายเจ้าของคลิปนั้น ก็มีนิสัยที่น่ารักเรียนเก่งโดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนสูงตลอด อีกทั้งยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ ทั้งนี้คิดว่าสิ่งที่เด็กทำลงไปนั้น เป็นเพียงแค่ความคิดของเด็กที่ต้องการระบายในช่วงที่ยังมีอารมณ์โมโหหัวหน้าห้องเท่านั้น และจากการสอบถามก็ยอมรับว่าเป็นคนทำคลิปนี้เองโดยใช้ไอแพด จากนั้นก็โพสต์เพียงแค่ในกลุ่มเพื่อนสมาร์ทคลาสเท่านั้น แต่ไม่เคยโพสต์ลงยูทูป
“ที่มาของวลีฮิต “เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่” ก็น่าจะมาจากการที่เป็นครูที่ปรึกษาและเคยบอกเด็กนักเรียนไว้ว่าถ้าใครมีปัญหาเรื่องอะไรให้มาบอกครูเป็นคนแรก อย่าให้ครูไปรู้จากที่อื่น และที่สำคัญคือ ขอให้นักเรียนมีความรักสามัคคี อย่าทะเลาะกัน”ครูอังคณา กล่าว
ด้าน ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการแสดงออกของเด็กที่เล่นกันในกลุ่มเพื่อน และถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับเด็ก ป. 1 ทั่วประเทศ แต่มั่นใจว่าเด็กจะไม่นำแท็บเล็ตที่รัฐบาลแจกให้ไปทำเรื่องไร้สาระ เพราะแท็บเล็ตจะเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ที่จะบรรจุเนื้อสาระที่มีคุณภาพ และการใช้แท็บเล็ตต้องอยู่ในการควบคุมของครูผู้สอน ดังนั้นถ้าจะมีอะไรที่ก่อให้เกิดผลด้านลบต่อเด็ก ครูจะต้องดูแลให้เกิดความเหมาะสม ขณะเดียวกันต้องมีการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน โดยเฉพาะตัวครูเองก็ต้องรู้เท่าทันเด็กด้วย เพื่อจะได้ควบคุมพฤติกรรมการใช้ไอทีของแด็กได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการแจกแท็บเล็ตด้วย
ส่วน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของทางโรงเรียน และผู้ปกครองที่จะต้องดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด และปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้รัฐบาลต้องเปลี่ยนเป้าหมายการแจกแท็บเล็ต เพราะเป้าหมายของประเทศในปัจจุบันคือโลกแห่งเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนไปตลอดเวลา ซึ่งเหมือนกับที่สมัยก่อนเราเคยใช้กระดานชนวน ต่อมาเราก็เปลี่ยนมาใช้กระดาษ อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าเด็กจะดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแต่อยู่ที่การดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองมากกว่า.

10 เม.ย. 55 เวลา 22:07 4,320 6 110
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...