พบแล้ว! "ซากลูกแมมมอธ"ขนสีน้ำตาล อายุ 10,000 ปี ตัวแรกของโลกที่ไซบีเรีย

นักวิทยาศาสตร์เผยภาพของซากลูก "แมมมอธ" ช้างมีขนจากยุคดึกดำบรรพ์ อายุราว 2 ปีครึ่งขณะตาย ที่เขตไซบีเรียของรัสเซีย ในสภาพค่อนข้างเกือบสมบูรณ์ เนื่องจากน้ำแข็งและอากาศหนาวจัดช่วยคงสภาพ หลังเผ่าพันธุ์ของมันสูญพันธุ์มานานกว่า 10,000 ปี

 

 

 

 

 

 

โดยนายเบอร์นาร์ด บุยเกส จากองค์กรที่ศึกษาแมมมอธเผยว่า ได้รับซากแมมอธแช่แข็งจากนักล่ารายหนึ่งในไซบีเรีย และได้ทำการประเมินค่าช้างตัวดังกล่าว ที่รู้จักกันในชื่อ "ยูกะ" เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยพบร่องรอยบาดแผลสอดคล้องกับการต่อสู้ระหว่างมันและผู้ล่าขั้นสูงอย่างสิงโต รวมถึงมีหลักฐานว่ามนุษย์อาจเป็นผู้โจมตีมันในเบื้องต้น

และหากผลการศึกษาของนายบุยเกส และนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยยาคุตสก์ ยืนยันการวิเคราะห์ครั้งนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกของการส่งสัญญาณของการมีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ยุคโบราณที่พบในเขตไซบีเรีย

 


ทั้งนี้ การค้นพบดังกล่าว ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการ ผ่านรายการสารคดีของสถานีโทรทัศน์บีบีซี ชื่อว่า "แมมมอธ : ความลับจากน้ำแข็ง" ซึ่งถือเป็นการค้นพบ ลูกแมมมอธ ที่มีขนสีน้ำตาลตัวแรกในประวัติศาสตร์

 

 

การวิเคราะห์ในเบื้องต้น หลังการศึกษาฟัน และงาของมัน พบว่ามันมีอายุราว 2 ปีครึ่งเมื่อตอนเสียชีวิต ทั้งนี้อวัยวะส่วนฟัน งา และกระดูก เป็นชิ้นส่วนที่ย่อยสลายตามธรรมชาติได้ช้าที่สุด ขณะที่ชิ้นส่วนเนื้อเยื่อ อาทิ ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายใน จะย่อยสลายเร็วกว่า และเป็นสิ่งที่พบได้ยากในซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ ซึ่งอาจหมายถึงข้อมูลสำคัญหลายอย่างได้สาบสูญไปด้วย

นักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่าแมมมอธบางตัวอาจมีสีขนจางกว่านี้จากการวิเคราะห์ยีนของกระดูก แต่การค้นพบเจ้ายูกะนับเป็นการยืนยันด้วยหลักฐานโดยตรงเป็นครั้งแรก ขณะเดียวกันก็สันนิษฐานว่าเจ้ายูกะน่าจะมีอายุราว 2 ปีครึ่งเมื่อตอนที่มันตายเมื่อมากกว่า 10,000 ปีก่อน

 

 

แดเนียล ฟิชเชอร์ ศาสตราจารย์ คณะวิทยาศาสตร์โลกและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐฯ คาดว่า ลูกแมมมอธอาจตายเพราะการล่าของมนุษย์ยุคน้ำแข็ง หรือถูกสิงโตทำร้าย เพราะมีร่องรอยของการถูกโจมตีด้วย สำหรับผู้ค้นพบเป็นนักล่าท้องถิ่นชาวไซบีเรีย และได้ส่งมอบมาที่องค์กรแมมมอธ เพื่อให้นักวิทยาศาตร์ได้ค้นคว้าต่อ ขณะที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ วิเคราะห์ว่า แมมมอธบางตัวอาจมีขนสีอ่อน ขึ้นอยู่กับความหลากหลายของยีนกระดูก ส่วนสีน้ำตาลเช่นนี้เพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก ด้าน เควิน แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ จากมหาวิทยาลัยมานิโตบา ประเทศแคนาดา ระบุว่า การค้นพบสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงการศึกษาต่างๆอย่างยิ่ง

 

 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...