วันนี้ (7 เม.ย) ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากช้างพลายจัมโบ้ อายุ 5 ปี เป็นช้างของนายสมศักดิ์ สำเภาเพชร อายุ 34 ปี ชาวบ้านท่าเรือ ต.ท่าม่วง ต.สตึก จ.บุรีรัมย์ ได้นำช้างไปล่ามไว้ในป่าละเมาะ ที่บริเวณถนนศรีธนามิตร ชุมชนเกาะลอย ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อ ให้ช้างได้กินอาหาร แต่ขณะที่ช้างกำลังหากินหญ้า และกิ่งไม้เป็นอาหาร ปรากฏว่า ช้างได้ไปถูกรังตัวต่อหัวเสือ ทำให้ ตัวต่อแตกรัง รุมต่อยช้างพลายจัมโบ้ จำนวน หลายตัวด้วยกัน ซึ่งตัวต่อมีรังไม่ใหญ่ใหญ่มาก มีตัวต่อ อยู่ประมาณ 10-15 ตัว
ควาญช้างได้รีบนำช้างออกมา ล่ามไว้บริเวณใต้ต้นก้ามปู และช้างมีอาการเจ็บป่วย และล้ม ลงนอน ไม่สามารถยืนได้ นอนเจ็บปวดทุรนทุราย และเมื่อเมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้(7 เม.ย.) สัตวแพทย์ จากสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ ได้เดินทางมาให้การรักษาช้างพลายจัมโบ้ ด้วยการให้น้ำเกลือ ฉีดยาปฎิชีวนะ ให้ยาแก้ปวด ยาแก้พิษ และทาน้ำมันคลายเส้น นวด กล้ามเนื้อ ในเบื้องต้น ช้างมีอาการตอบสนอง การรักษาดีขึ้น สามารถยก เท้า ทั้งสี่เท้าได้ และพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ก็ยังคงมีการเจ็บปวดดิ้น ส่ายไป มา
จนกระทั่งเวลา 14.20 น.ช้างพลายจัมโบ้ ได้มีอาการทุรน ทุราย ด้วยความเจ็บปวดมาก และตัวเกร็ง มีอาการชักกระตุก และสิ้นใจ ไปต่อหน้าต่อตา ควาญช้าง และชาวบ้านที่มายืนดู ต่าง ก็เสียใจ ที่ช้างพลายจัมโบ้ มาจากไปอย่างกะทันหัน เพราะช้างพลายจัมโบ้ เป็นช้างวัยเด็ก กำลังชุกซน ฉลาดสามารถทำตามคำสั่งที่ควาญช้างสั่งได้
หลังจากช้างพลายจัมโบ้ ลมสิ้นใจ นายสมศักดิ์ สำเภา ควาญช้าง ได้ว่าจ้างรถบรรทุกหกล้อ นำซากช้างพลายจัมโบ้ เดินทางกลับไปยังบ้านท่าเรือ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และฝังซากช้างในวันนี้ ก่อนที่ฝังซากช้าง ทีมสัตวแพทย์ ประจำสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติสุรินทร์ จะทำการฝ่าซากช้างเพื่อหาสาเหตุการตายของช้าง พลายจัมโบ้ ให้แน่ชัด ต่อไป โดยเบื้องต้นสัตวแพทย์ พบว่าช้างพลายจัมโบ้มีอาการป่วยมาก่อน และเมื่อโดนพิษของต่อ จะเป็นการกระตุ้นทำให้เสียชีวิต.….