อีกไม่กี่วันจะก้าวย่างเข้าสู่เทศกาลวันสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทยที่ยึดถือปฏิบัติมาแต่โบราณ
กิจกรรมสำคัญนอกจากการทำบุญตักบาตร นำทรายเข้าไปก่อเจดีย์ทรายที่วัด และการรดน้ำ เพื่อขอพรจากปู่ ย่า ตา ยาย ผู้อาวุโสแล้ว
สิ่งหนึ่งที่่กลายเป็นสีสันที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลสงกรานต์สำหรับคนทุกเพศทุกวัยคือ"การเล่นน้ำ"แม้ยุคปัจจุบันจะสืบทอดกันมาอย่างผิดเพี้ยนไปจากโบราณ แต่กลายเป็นกิจกรรมที่สร้างความรื่นเริงให้กับเด็ก ๆ หนุ่มสาวน้อย ใหญ่ไม่ใช่น้อย
ส่งผลให้แต่ละปีมีพ่อค้าแม่ค้าหัวใสพัฒนาการรูปแบบของ"ปืนฉีดน้ำ"ออกมาวางขายได้ไม่ซ้ำแบบกันด้วยชนิดของวัสดุที่แตกต่างกันไปหลายขนาดให้บรรจุน้ำได้มากน้อยหลากสี และหลายราคาให้เลือกซื้อกันอย่างจุใจ
จากการสำรวจตลาดปืนฉีดน้ำของ"มติชนออนไลน์"ในตลาดค้าส่งหลักของประเทศไทยย่านสำเพ็งพบว่าสนนราคาของปืนฉีดน้ำพลาสติกเริ่มตั้งแต่ปืนขนาดเล็กราคาประมาณ8-10บาทต่อกระบอก จากนั้นไล่ระดับราคาตั้งแต่ 20-35-40-50-120-150-160-200-300-350-450 บาท
แต่ดีไซน์ปืนฉีดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ออกมาเนื่องจากสงกรานต์ปีที่แล้วมีเหตุการณ์ทางการเมืองส่งผลให้ปืนฉีดน้ำขายไม่ดีเพราะผู้ปกครองหลายคนไม่กล้าปล่อยลูกหลานออกมาเล่นน้ำ ดังนั้น จึงมีของเก่าเหลือในสต๊อกมาก รวมทั้งโรงงานผู้ผลิต ดังนั้น ปีนี้จึงมีแต่แบบเก่าที่ขายเมื่อปีที่แล้ว ของใหม่มีเพียงลายตัวการ์ตูนที่เป็นแท็งส์น้ำผูกหลังเพิ่มเข้ามา
พ่อค้าแม่ค้าขายส่งหลายคนเล่าให้ทีมงานฟังว่าปกติสินค้าปืนฉีดน้ำในตลาดสำเพ็งจะนำมาวางขายตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมและจะมีพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วประเทศมาซื้อไปขายปลีกต่อแต่ปีนี้เพิ่งจะมาเริ่มคึกคักขายดีช่วงปลายเดือนมีนาคม ต่อเนื่องต้นเดือนเมษายน แต่ปีนี้ถือว่าขายดี ปืนฉีดน้ำหลายรูปแบบขายหมดไปแล้ว
สำหรับดีไซน์ของปืนฉีดน้ำ แต่ละรูปแบบยอมรับว่า เป็นตัวดึงดูดลูกค้าได้เป็นอย่างดี ถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นจะซื้อขนาดที่เหมาะมือ รูปแบบแปลก ๆ ใหม่ ๆ พวกลายการ์ตูน ขณะที่เด็กประถมที่มากับพ่อแม่ส่วนมากอยากได้ปืนขนาดใหญ่
ส่วนกรณีที่หลายคนเป็นกังวลเรื่องพัฒนาการของ "แรงดันน้ำ" เพราะหากแรงดันมาก ยิงได้ระยะไกล อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงขั้นแก้วหูทะลุ และตาบอดได้ คงจะควบคุมอะไรได้ยาก
เนื่องจาก "ปืนฉีดน้ำ"ที่ใช้เล่นเฉพาะในเทศกาลสงกรานต์ของไทย ซึ่งเทศกาลนี้มีเพียงประเทศเดียวในโลก แต่ปรา
กฎว่า เกือบ 90% ของปืนฉีดน้ำที่วางขายในตลาดสำเพ็งตลาดค้าส่งใหญ่สุดของประเทศไทย เป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีนเกือบทั้งสิ้น
แม้กระทั่งซองใส่โทรศัพท์มือถือที่กั้นน้ำที่แม่ค้าหลายคนบอกว่าปีนี้ขายดิบขายดีโดยมีราคาขายส่ง15 บาทต่อซอย ยังเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีน ด้วยต้นทุนการผลิตด้านแรงงาน และวัตถุดิบที่ถูกกว่า ทำให้ผุ้ประกอบการไทยหลายรายต้องล่าถอยออกไป เพราะไม่อาจส่งราคาสู้กับพ่อค้าเล่จากเมืองจีนที่เข้ามาเล่ขายสินค้าให้กับพ่อค้าแม่ค้าปลายส่ง ขายปลีกคนไทยถึงในสำเพ็ง
ขณะที่สินค้าปืนฉีดน้ำที่ผลิตในประเทศไทยมีวางขายเพียง10% เนื่องจากไม่สามารถสู้ราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าของสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนได้
ดังนั้น ในการควบคุมเรื่องมาตรฐานการผลิต แรงดันน้ำ อันตรายที่จะเกิดขึ้น คงเป็นที่ฝากใครในบ้านเมืองนี้ไม่ได้ ผู้ปกครองคงต้องดูแลบุตรหลานของท่านกันเอาเอง