ทำไม "คนไทย" จนลง

เมื่อปลายสัปดาห์ ที่แล้ว ผลสำรวจของ 2 สำนักชื่อดัง หอการค้าโพลล์และเอแบคโพลล์ สำรวจสถานการณ์ "หนี้ภาคครัวเรือน" หอการค้าโพลล์ พบว่า "คนไทยจนลง หนี้นอกระบบพุ่ง" ขณะที่เอแบคโพลล์ก็บอกว่า "คนไทยไม่มีเงินออม" จากปัญหาน้ำท่วมและค่าครองชีพสูงขึ้นต่อเนื่อง

เคยมีนักวิชาการได้ คำนวณตัวเลขเงินเฟ้อหรือภาวะราคาสินค้าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าสูงขึ้นทุกปี ปีละ 3% กว่าๆ เท่ากับว่า 10 ปีที่ผ่านมาเงินเฟ้อสูงถึง 30-40% สวนทางค่าแรง เงินเดือนคนทำงาน ที่ไม่ได้ปรับขึ้นทุกปี ปีใดปรับก็จะอยู่ระดับเดียวกับเงินเฟ้อเท่านั้น

เฉพาะอย่างยิ่ง ค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ปรับขึ้นมานานหลายปี

พลัน ที่รัฐบาลนี้มีนโยบายเพิ่มค่าแรงเป็น 300 บาท โดยนำร่อง 7 จังหวัด ซึ่งประกาศใช้ไปเมื่อ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา และอัตราเงินเดือนข้าราชการใหม่ 1.5 หมื่นบาท ผสมโรงกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้น ได้กระชาก "ค่าครองชีพ" สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่งผลสะเทือนถึงคนไทยที่ไม่เข้าข่าย "ได้รับโบนัส" จากรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการเก่าที่ไม่ได้ปรับเงินเดือนเพิ่ม แรงงานนอกระบบ เช่น แรงงานก่อสร้าง แรงงานที่อยู่ตามร้านค้า ร้านอาหารขนาดเล็ก รวมถึงพนักงานออฟฟิศในบริษัทเอกชนทั้งหลาย "ยากจนลง" ทันที

เมื่อ ก่อนเวลามีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ขึ้นเงินเดือนข้าราชการมักจะสร้างแรงกระเพื่อมฉุดให้บริษัทเอกชนต้องปรับตาม แต่คราวนี้ทั้งแรงงานนอกระบบ พนักงานบริษัทเอกชน ไม่ได้ผลพวงเนื้อนาบุญจากนโยบายค่าแรงของรัฐบาล เพราะบรรดาธุรกิจต่างๆ ก็ประสบปัญหาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่กระเตื้องจากผลกระทบน้ำท่วม เศรษฐกิจโลกชะงักงัน อย่างที่รู้ๆกัน

คนส่วนใหญ่รายได้ไม่เพิ่มขึ้น แต่ราคาสินค้าที่ไปขึ้นดักรอไปล่วงหน้า โดยผู้ผลิตสินค้าก็อ้างว่าค่าแรงราคาและราคาน้ำมันสูงขึ้นทำให้ต้นทุนเพิ่ม ขึ้นตามไปด้วย จะว่าไปแล้วไม่รู้ว่าราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นไปล่วงหน้ากับค่าแรงที่เพิ่ง ประกาศเมื่อ 2 วันก่อนหักกลบลบกันแล้วจะเหลือค่าแรงจริงๆ สักเท่าไหร่

ไม่ ต้องพูดถึงพนักงานบริษัทเอกชน แรงงานนอกระบบที่ "รายได้ไม่เพิ่ม" เมื่อเทียบกับราคาสินค้าที่สูงขึ้นเงินในกระเป๋าย่อมเหลือน้อยลงแน่ๆรวมถึง คนจะตกงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากธุรกิจที่ต้องทิ้งกิจการ หรือต้องปลดคนงานเพื่ออยู่รอด คนกลุ่มนี้จะกลายเป็นคนที่จนกลุ่มแรกทันที

ทุกๆ รัฐบาลพยายามปั่นตัวเลขจีดีพีให้โตขึ้นทุกปี ไม่รู้ไปตกอยู่ในกระเป๋าใคร แต่คนเดินดินกินข้าวแกงเงินในกระเป๋าน้อยลงทุกที

Credit: ข่าวสดออนไลน์
3 เม.ย. 55 เวลา 12:06 7,174 15 200
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...