วิ่งชะลอความแก่ได้

 

วิ่งชะลอความแก่ได้ทั้งยังหนังเหนียวไม่ค่อยเป็นมะเร็งกับใคร

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/life/72222

 

 

การออกกำลังด้วยการวิ่ง ช่วยชะลอความแก่เอาไว้ได้ วิ่งหนีโรคร้ายอย่างมะเร็ง ทั้งยังแข็งแรง เกิดพิกลพิการน้อยมาก ...

นักวิจัยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งศึกษาติดตามผู้สูงอายุจำนวนครึ่งพัน มานานไม่ต่ำกว่า 20 ปี พบว่าการออกกำลังด้วยการวิ่ง ช่วยชะลอความแก่เอาไว้ได้ วิ่งหนีโรคร้ายอย่างมะเร็ง ทิ้งห่างไกลมากกว่าคนที่ไม่ได้ทำตามอย่างเกินกว่าครึ่ง ทั้งยังแข็งแรง เกิดพิกลพิการน้อยมาก

พวกผู้เชี่ยวชาญ ได้กล่าววิจารณ์ว่า ผลการศึกษาส่อให้เห็นความสำคัญ ของการออกกำลังเป็นประจำในหมู่ผู้สูงอายุ

เมื่อศึกษาติดตามมาถึงปีที่ 19 ปรากฏว่า กลุ่มผู้สูงวัยจะเสียชีวิตลงเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น เทียบกับกลุ่มคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้วิ่งออกกำลัง ตายมากถึงร้อยละ 34 นอกจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ต่างก็มีที่พิกลพิการลงด้วยกันทั้งสองกลุ่ม แต่กลุ่มนักวิ่งจะมาเป็นทีหลังกว่า เฉลี่ยแล้วหลังกว่ากันนานตั้ง 16 ปี

 

5 วิธีรับมือภาวะอ่อนล้าของสาววัยทำงาน

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20100322/106006/5-วิธีรับมือภาวะอ่อนล้าของสาววัยทำงาน.html

 

เมื่อผู้หญิงเราเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน สิ่งแรกที่ต้องเจอคือ ภาระและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น แถมยังต้องเจอกับอายุที่เพิ่มขึ้นทุกวัน

ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงหนีไม่พ้นอาการอ่อนล้าจากภาวะที่เรียกว่า “Energy Short”  หรือพลังงานเกิดการลัดวงจรจากการที่ร่างกายทำงานหนัก ทางออกที่ดีคือการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกายและใจด้วย 5 เคล็ดลับจาก มรว.พรรณนิภา จันทรทัต ประธานชมรมโภชนวิทยามหิดล มาฝากกัน

 1. กินอาหารเช้าเป็นประจำ ก่อนจะใช้พลังงานในการทำงานตลอดทั้งวันร่างกายจำเป็นต้องเติมพลังงานและสารอาหารเสียก่อน เพราะในขณะนอนหลับเราไม่ได้รับสารอาหารเพิ่มเติมแต่ร่างกายยังคงใช้สารอาหารต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมื้อเช้าจึงเป็นมื้อสำคัญที่ขาดไม่ได้ แต่การงดอาหารเช้ากลับเป็นกิจวัตรยอดฮิตของคนทำงาน เพียงเพราะคำอ้างที่ว่าไม่มีเวลา

 ทางออกที่ดีสำหรับคนทำงาน คือ กินอาหารเช้าที่ง่าย สะดวกแต่ยังคงมีคุณค่า เช่น นมหรือเครื่องดื่มธัญญาหารธรรมชาติ แซนวิชทูน่าโฮลวีทและผลไม้ เพื่อให้ได้สารอาหารอย่างครบถ้วนและไม่มีไขมันสูง เท่านี้ก็พร้อมรับมือกับการเริ่มต้นทำงานในแต่ละวันแล้ว

 2.  ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มธัญญาหารระหว่างวัน ภาวะขาดน้ำอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้า  ในระหว่างวันจึงควรดื่มน้ำเพื่อเพิ่มความสดชื่นและกระตุ้นให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าพร้อมจะทำงานอยู่เสมอ หรือหันมาดื่มเครื่องดื่มที่ให้คุณประโยชน์จากสารอาหารธรรมชาติแบบหวานน้อย แทนเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลมและกาแฟ

  เพราะปัจจุบันเครื่องดื่มบางชนิดได้เพิ่มคุณประโยชน์จากธรรมชาติเข้าไป เช่น มอลต์ นมโค งาดำ ลูกเดือย ถั่วเหลือง หรือจมูกข้าวสาลี ซึ่งล้วนเป็นแหล่งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน แคลเซียมและแร่ธาตุหลายชนิด  จึงช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างรวดเร็วและลดอาการล้าอ่อนเพลียจากภาวะที่เรียกว่า  “Energy Short” ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยให้อยู่ท้อง
ไม่หิวระหว่างวันอีกด้วย

 3. กินอาหารถูกหลัก โดยกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ธัญญาหาร ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ซึ่งมีเส้นใยสูงจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กินไขมันดี (HDL) เช่น น้ำมันมะกอก ปลาทะเล เป็นต้น กินโปรตีนเล็กน้อย โดยเลือกโปรตีนที่ดี ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เต้าหู้ ถั่วต่างๆ เพราะโปรตีนจะช่วยให้ทำงานได้นานกว่าการกินแต่คาร์โบไฮเดรต เพิ่มผักผลไม้และธัญญาหารในมื้ออาหารให้มากขึ้น อาจใช้วิธีกินผักครึ่งหนึ่งอาหารอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง และอย่าลืมดื่มนมหรือเครื่องดื่มธัญญาหารอย่างน้อยวันละ2 แก้ว เพื่อเพิ่มแคลเซียม

 4. เติมพลังงานด้วยอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ เพื่อให้มีพลังงานอยู่ตลอดทั้งวัน เพราะคนทำงานต้องใช้ทั้งพลังงานร่างกายและสมองตลอด 8-12 ชั่วโมง โดยในมื้อย่อยให้กินอาหารที่มีเส้นใย ไขมันต่ำ น้ำตาลต่ำ เช่น เครื่องดื่มธัญญาหาร เครื่องดื่มผสมมอลต์ โยเกิร์ต ซึ่งล้วนเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานต่ำ มีสารอาหารและกากใยสูง เลิกนิสัยแบบเดิมๆ ที่มักกินขนมปัง กาแฟ หรือคุ๊กกี้ระหว่างทำงาน เพราะอาจต้องเจอกับปัญหาอ้วนลงพุงได้

 5. ปรับอารมณ์ การเคร่งเครียดกับการทำงาน ความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยสะสมเป็นอุปสรรคสำคัญของคนทำงาน การจะผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้ต้องฝึกผ่อนคลายอารมณ์ หัดมีอารมณ์ขัน ลองพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบ้าง หาวิธีคลายเครียดด้วยการนวดใบหู ฟังเพลง หาเวลาไปออกกำลังกายบ้าง หรือพักสายตาสักนิดจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น เพราะหากรู้สึกอ่อนล้าร่างกายจะไม่อยากทำงาน บางทีอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกตามไปด้วย การปรับอารมณ์ให้สดใส สดชื่นจะช่วยเพิ่มพลังใจให้มีแรงสู้กับการทำงาน เพราะสภาพจิตใจมีพลังมากกว่าพลังกายเสียอีก

 อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มรู้สึกอ่อนล้าควรหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ พร้อมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่าโหมงานหนักจนเกินไป จงจำไว้...ร่างกายเราไม่ใช่เครื่องจักรในการทำงาน

 

ดูแลผมยาวให้เงาสลวย สไตล์สาวแดนปลาดิบ

ที่มา : http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000038200

 

อีกหนึ่งปัญหาสำหรับสาวๆ ในหน้าร้อน คงหนีไม่พ้นเรื่องของผมที่เริ่มแห้งเสีย เพราะแดดแผดเผา เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ ขอแนะนำ เอสเซนเชียล แดเมจ แคร์ อัลตร้า ฮันนี่ แอนด์ เชียร์ บัตเตอร์ อินเทนซีฟ มาส์ก พร้อมกับได้ อาจารย์ซุมิโกะ ไดเรคเตอร์ แฮร์สไตลิสต์ ประจำร้าน Wasabi Hair Salon มาเผยวิธีดูแลเส้นผมในหน้าร้อน
       
       อาจารย์ซุมิโกะ เผยว่า “ จริง ๆ แล้วพื้นฐานสุขภาพผมของสาวไทยดีกว่าสาวญี่ปุ่น แต่เราพบว่าผมของผู้หญิงไทยสุขภาพเสียมากกว่าเป็นเพราะประเทศไทยเป็นเมืองร้อน เหงื่อเลยออกเยอะ ซึ่งเกลือในเหงื่อและสิ่งสกปรกที่เกาะผมก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้ผมเสีย อีกทั้งเดี๋ยวนี้สาวไทยยังนิยมใช้เครื่องมือทำผม เช่น คีมหนีบร้อน ไดร์เป่าผม การยืดผม ดัด ตลอดจน การทำสีผม ซึ่งแม้จะช่วยให้สาว ๆ ดูน่ารักมีสไตล์แต่ก็เป็นการทำร้ายผม โดยเฉพาะบริเวณปลายผม 15 ซม.
       
       เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นส่วนที่อ่อนแอพร้อมถูกทำร้ายได้ง่ายที่สุด เมื่อถูกเคมีและความร้อนในการจัดแต่งสไตล์ผม เป็นสาเหตุสำคัญของผมแห้ง ชี้ฟู จัดทรงยาก อันเป็นเหตุให้ต้องใช้ความร้อนในการสไตลิ่งผมนานขึ้น ผลลัพธ์คือผมเสียขั้นรุนแรง เป็นวงจรผมเสียหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับฟื้นบำรุงผมเสียโดยเฉพาะ และปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลผมอย่างถูกวิธี เพื่อให้พร้อมมีผมสวยอินเทรนด์ได้เสมอ”
       
       ส่วนวิธีการทำความสะอาดเส้นผมที่ถูกต้อง สำหรับสาวๆ ผมยาว ควรเริ่มจาก ใช้แชมพูในปริมาณเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 ซม. ก็เพียงพอ ถ้าไม่พอจึงค่อยๆ เพิ่มแชมพูทีละน้อย มิเช่นนั้นแชมพูจะอยู่บริเวณผมส่วนเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผมเสียได้ จากนั้นสอดนิ้วเข้าไปทำความสะอาดผมให้ทั่วถึงและล้างฟองออกให้สะอาดหมดจด หลังจากนั้นชโลมคอนดิชันเนอร์ลงบนส่วนปลายของผม 15 ซม. ซึ่งเป็นการเน้นการบำรุงบริเวณที่เสียมากที่สุดจากการแต่งสไตล์ผม และช่วยเคลือบปิดผมที่ฉีกขาด ส่วนครีมที่เหลือติดมือค่อยนวดบริเวณเส้นผมส่วนบน
       
       ส่วนสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเส้นผมแห้งเสียเป็นพิเศษ ควรบำรุงและฟื้นฟูสภาพเส้นผมด้วยอินเทสซีฟ มาสก์ ที่เข้มข้น 2-3 ครั้ง โดยเฉพาะก่อนวันพิเศษ เช่นวันออกเดตหรือนัดกับเพื่อนๆ โดยมาส์กไล่ขึ้นมาจากบริเวณปลายผม 15 ซม. ใช้หวีช่วยให้เนื้อครีมซึมเข้าไปอย่างทั่วถึง ทิ้งไว้ 3-5 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด เพราะคุณค่าในมาส์กผมจะซึมซาบลงสู่แกนผมได้อย่างรวดเร็ว
       
       อาจารย์ซุมิโกะ แนะนำทรงผม 4 สไตล์ สำหรับสาวๆ ในหน้าร้อนส่งท้าย ได้แก่ทรงผมม้วนสไตล์คุณหนูสำหรับสาวอ่อนหวาน ทรงผมตรงแบบคลาสสิค สำหรับวันไปทำงานให้ดูเรียบร้อยและไม่ตกเทรนด์ ทรงผมมัดจุกเหมาะสำหรับวันตากอากาศสบายๆ และทรงผมเปิดหน้าใสๆ สไตล์สาวน้อยข้างห้อง โดยใช้ที่คาดผมและผมม้วนยุ่งๆ แบบเป็นธรรมชาติ

29 มี.ค. 55 เวลา 12:42 1,948 1 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...