เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (24 มี.ค.) ที่ สน.บางโพงพาง น.ส.พัชรมาศ ภู่ศรี อายุ 36 ปี ภรรยานายจอห์น บีฮัน อายุ 37 ปี ครูสอนภาษาชาวอังกฤษที่ปรากฏเป็นข่าวว่ามีเรื่องวิวาทกับ รปภ.รถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมญาติเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ เรืองด้วง พนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความหลังถูกชายนิรนามโทรศัพท์มาข่มขู่ทำร้าย ที่โรงเรียนนานาชาติใหม่ ย่านสาธุประดิษฐ์ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้
น.ส.พัชรมาศกล่าวว่า ที่ตนเข้าแจ้งความในวันนี้เนื่องจากผอ.โรงเรียนสอนภาษาที่สามีตนทำงานอยู่ โทรศัพท์มาบอกว่าเมื่อช่วงบ่าย 2 วานนี้มีชายลึกลับโทรศัพท์มาทางโรงเรียน ได้พูดเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงคนไทยข่มขู่ว่า หากนายจอห์นเดินทางกลับมาประเทศไทยจะมาทำร้ายตนและสามี ตนกับครอบครัวเกรง ว่าจะไม่ปลอดภัย จึงมาแจ้งความไว้ก่อนซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แต่หลังจากปรากฏเป็นข่าวต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกมองอย่างเกลียดชัง รุมประณามว่าเป็นคนไม่ดีใช้สิทธิพิเศษ ส่วนกรณี รปภ.ที่ถูกไล่ออกตนรู้สึกไม่สบายใจเหมือนว่าทางเราเป็นปัญหา จนทำให้เขาถูกไล่ออกจากหน้าที่ ทั้งที่แสดงความเป็นลูกผู้ชายกล้าทำกล้ารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
น.ส.พัชรมาศระบุต่อว่า ที่ออกมาไม่ได้ต้องการอะไรเพียงแค่อยากให้ผู้บริหารของรถไฟฟ้าบีทีเอส.ออกมา เปิดเผยภาพกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะคลิปที่ปรากฏตามสื่อและสังคมออนไลน์ เป็นเพียงแค่ช่วงหนึ่งของเหตุการณ์เพียง 30 วินาที หากสังคมได้เห็นภาพทั้งหมดจะทราบความจริง โดยที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการเยียวยา ค่ารักษาพยาบาล และคำขอโทษของทางบีทีเอสเลย จึงต้องการพูดคุยกับผู้บริหารบีทีเอส เพื่อเจรจาหาข้อยุติในเรื่องนี้ ตนและครอบครัวยังจะกลับมาใช้บริการบีทีเอส ตามเดิม เพราะมีความเชื่อมั่นว่าทางบีทีเอสจะหาทางแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ด้าน ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งความไว้ โดยจะประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจให้ดูแลความปลอดภัยที่โรงเรียนให้เข้มงวดมาก ยิ่งขึ้น รวมทั้งประสานทางองค์การโทรศัพท์เพื่อตรวจสอบหมายเลขชายที่โทรศัพท์มาข่มขู่ ที่โรงเรียนว่าเป็นใครมาดำเนินคดีต่อไป
ด้านพ.ต.อ.รัฐศักดิ์ รักสลาม ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจร่างกายของนายจอห์น บีฮัน จากทาง รพ.ตำรวจเพื่อรวบรวมเป็นหลักฐาน เพื่อนัดหมายทางนายประสาน ถาวงษ์กลาง รปภ.ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมพงษ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งว่าจะเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ เนื่องด้วยถ้าได้ผลของการตรวจจากทางแพทย์แล้วก็จะระบุได้ว่ามีความผิดหรือ ไม่ อีกทั้งถ้าคู่กรณียอมรับสารภาพว่ากระทำจริงนั้นพนักงานสอบสวนก็จะสามารถส่ง ฟ้องต่อศาลได้ทันที แต่ถ้าหากปฏิเสธก็จะต้องรวบรวมสำนวนส่งให้กับพนักงานอัยการดำเนินการทาง กฎหมายต่อไป เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับการติดต่อจากนาย ประสานเพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด.