เมื่อเวลา 02.20 น. เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1912 การจมลงของเรือที่เคยได้รับฉายาว่า "ไม่มีวันจม" อย่างเรือ อาร์เอ็มเอส ไททานิก" ที่นำร่างของผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 1,500 คน ดิ่งลงก้นบิ้งมหาสมุทรแอตแลนติก กลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เราต่างทราบกันดี
แต่ 100 ปี ต่อมา ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ได้เผยให้เห็นภาพอันชัดเจนของร่องรอยความเสียหายที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน โดยนิตยสารเนชันแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนเมษายน 2012 ได้ร่วมตีพิมพ์ภาพประวัติศาสตร์ของเรือไททานิก ที่นอนแน่นิ่งอยู่ใต้ทะเล โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันสมุทรศาสตร์วู้ดส์ โฮล (Woods Hole Oceanographic Institution) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีการถ่ายภาพใต้ทะเล
ทั้งนี้ ภาพทั้งหมดถูกถ่ายขึ้นระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2010 โดยใช้หุ่นยนต์ถ่ายภาพใต้น้ำจำนวน 3 ตัว ที่สามารถเข้าไปในมุมที่ไม่ใครเคยเข้าไปถึงมาก่อน ที่เคลื่อนที่ในบริเวณใต้พื้นทะเลเป็นระยะทางราว 960 เมตร
วันที่ 14 เมษายน ปี 1912 เรือไททานิกได้เดินทางออกจากท่าเรือเมืองเซาธ์แธมตัน ประเทศอังกฤษ โดยมีจุดมุ่งหมายที่อีกฟากหนึ่งของแอตแลนติก-มหานครนิวยอร์ก ระหว่างทาง เรือได้ชนเข้ากับก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมา และด้วยขนาดที่ใหญ่โตนี่เองทำให้ต้องใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง 40 นาที กว่าที่เรือจะจมลงทั้งหมด หรือช่วงเช้าของวันที่ 15 ตามข้อมูลของสถาบันสมิธโซเนียน ที่พำนักสุดท้ายของไททานิก อยู่ในระดับความลึก 12,500 ฟุต
ภาพเรือ"โอลิมปิก" หรือเรือน้องของไททานิก ซึ่งทั้งสองมีลักษณะคล้ายกัน ที่แสดงให้เห็นว่าไททานิกมีขนาดใหญ่เพียงใด