MThai News : เกิดเป็นกระแสในสังคมออนไลน์ขึ้น เมื่อมีผู้โพสกระทู้ในเว็บบอร์ดของรถไฟฟ้า BTS ว่า “เกิดอะไรขึ้นที่ BTS พร้อมพงษ์เวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง”
และมีข้อความเนื้อหาในกระทู้ว่า “พอ ดีเห็นฝรั่งโดนตีเลือดเต็มไปหมด ตรง BTS พร้อมพงษ์ ใกล้ทางเชื่อมห้างเอ็มโพรเรี่ยม สอบถามคนแถวนั้นเห็นบอกว่า รปภ. ห้ามฝรั่งไม่ให้เอาลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้า มันเป็นกฏ แต่ฝรั่งไม่ยอมแล้วเอามือแบบคอ รปภ. ดั้งนั้น รปภ. จึงใส่ซะเลือดอาบเลย ไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมด แต่ว่าต้องทำกับต่างชาติขนาดนั้นเลยหรือ แล้ว รปภ. G4S ทำไมทำยังงั้น หน้ากลัวจัง”
ทั้งนี้ในกระทู้ดังกล่าว มีล็อกอินที่ใช้ชื่อว่า “หนูด่วน” ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของทางรถไฟฟ้า BTS โพสชี้แจงว่า
“เนื่อง จากในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้โดยสารชาวต่างชาติถือลูกโป่งหลายใบ ต้องการเข้าระบบและไม่จ่ายเงินซื้อตั๋วโดยสาร โดยลักลอบเดินเข้าไปข้างในระบบ เนื่องจากเป็นการฝ่าฝื่นระเบียบข้อห้ามที่ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารนำลูกโป่ง ทุกชนิดเข้าสู่ระบบได้ ไม่เกินท่านละ 1 ใบ และต้องเป็นลูกโป่งที่ไม่มีขนาดใหญ่จนกีดขวางหรือเป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง ของผู้โดยสารท่านอื่น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและไม่กีดขวาง หรือเป็นอุปสรรค ต่อการเดินทางของผู้โดยสารท่านอื่น ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงตัองเข้าไปชี้แจงและตักเตือน แต่ผู้โดยสารชาวต่างชาติไม่ยอมรับฟัง และทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมา ดังนั้นรปภ.จึงจำเป็นจะต้องรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่และป้องกันตนเอง ครับ โดย หนูด่วน”
หลังจากนั้นเรื่องดังกล่าวถูกแชร์และส่งต่อ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก อีกทั้งมีคนนำคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวโพสในเว็บไซต์ยูทูป ทำให้ความเห็นของชาวเน็ตแตกต่างออกไป ทั้งเห็นใจ รปภ. แต่ในทางกลับกัน ก็มีบางคนให้ความเห็นว่า รปภ.ทำเกินกว่าเหตุ
คลิปหลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว
……………………………………………………………………………………………
ต่อมาก็มีกระทู้จากสมาชิกในเว็บบอร์ดพันทิปที่ใช้ชื่อว่า Zvezdy ซึ่งโพสกระทู้ “จากใจภรรยาและแม่. ที่สามีถูกรปภ.BTS รุมทำร้ายต่อหน้าลูก!” และมีข้อความว่า
มา โพสแทนพี่สาวเจ้าของเรื่องค่ะ ขออภัยถ้าผิดห้อง. เพราะอยากให้ทุกคนรับทราบ และถ้าใครมีรูปถ่ายที่เห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์หรือรู้จักผู้อยู่ในเหตุการณ์ ขอความกรุณาท่านติดต่อมาเผื่อขอรูปถ่ายเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน ขอบคุณมากค่ะ
ด้วยดิฉัน พัชรมาศ ภู่ศรี เป็นภรรยาของนาย จอห์น บีฮัน (Mr. John Behan) สัญชาติไอร์แลนด์ และมารดาของเด็กหญิง เขตมณี บีฮัน อายุ 7 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS ในวันที่ 16 มีนาคม 2555 และได้เห็นเหตุการณ์ที่สถานีพร้อมพงษ์ ขณะไปที่เกิดเหตุหลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้ง
- สามีในสภาพเลือดไหลโชกที่ศีรษะและเสื้อเชิ้ต แต่มือยังถือช่อตุ๊กตาหมีสีชมพู และลูกโป่งจำนวน 4 ลูก กระเป๋านักเรียนของลูกสาวและกระเป๋าตัวเอง พื้นของสถานีเลอะไปด้วยเลือด
- ลูกสาวในชุดนักเรียนอนุบาลที่เปื้อนเลือด ร้องไห้ สีหน้าตกใจและเสียขวัญอย่างที่สุด
- เพื่อนของสามีซึ่งเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนเดียวกัน (และได้อุ้มลูกสาวของดิฉันไว้ในขณะที่สามีถูกรุมทำร้าย)
- ชายชาวต่างชาติได้มายืนอยู่เป็นเพื่อนสามี โดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด (ให้ E-mail ไว้และยังติดต่อมาถามถึงอาการบาดเจ็บด้วยความห่วงใย) ได้ช่วยเรียกรถแท็กซี่เพื่อไปโรงพยาบาลสมิติเวชให้
- รอบตัวรายล้อมด้วยเจ้าหน้าที่และรปภ.ของ BTS พร้อมพงษ์ จำนวน 8-10 คนมีผู้โดยสารที่อยู่ในบริเวณรถไฟฟ้าบางท่านเห็นเหตุการณ์และถ่ายรูปไว้ เมื่อไปถึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานของรถไฟฟ้าผู้หนึ่งแจ้งว่าชายชาวต่างชาติคนนี้อาละวาด ทำลายข้าวของ ทำร้ายพนักงานรปภ. และได้แจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจก็มาแล้ว บอกให้กลับไปก็ไม่ไป ถ้าไม่ไปจะแจ้งตำรวจมาจับ ติดคุกนะ ตำรวจก็บอกให้กลับไปเห็นมั้ย! มีคนมุงดูกันใหญ่
- สามีจะพูดอธิบาย แต่ดิฉันได้ขอร้องให้เขาไปโรงพยาบาลก่อนเพื่อห้ามเลือด ซึ่งมองเห็นรอยแตกชัดเจน รอยแตกบวมจนเป่งปิดนัยน์ตา แทบมองไม่เห็น ฉันช่วยเขาถือกระเป๋านักเรียนของลูก ช่อตุ๊กตาหมี ลูกโป่ง แต่เขายังยืนยันจะถือกระเป๋าตนเอง และเมื่อไปถึงโรงพยาบาล เขาอุ้มลูกและปลอบใจลูกสาวว่าไม่เป็นไร พ่อไม่เป็นไร ลูกสาวได้พูดบอกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลว่า ‘พ่อถูกรุมทำร้าย พ่อสู้ไม่ได้ ตั้งหลายคนรุมตีพ่อ หนูตกใจมาก ร้องไห้ ร้องบอกให้หยุด หยุดตีพ่อ ช่วยด้วย ช่วยพ่อด้วย เรียก daddy ซ้ำๆ.. ‘ เลือดสามีไหลมากๆ ลูกสาวจะไม่ยอมห่างพ่อเลย แม้นางพยาบาลจะไม่อยากให้เข้าห้องปฐมพยาบาล แต่ก็ใจอ่อนให้เข้าไปส่งพ่อได้และให้ออกมารออยู่ด้านนอก
- จากนั้นทำเรื่องย้ายขากโรงพยาบาลสมิติเวช มาโรงพยาบาลตำรวจ วันที่ 17 มีนาคม 2555 จึงได้มาลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ และได้ทราบว่ารปภ.ของรถไฟฟ้า BTS ได้มาแจ้งความว่าถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกายไว้แล้วเมื่อ 16 มีนาคม 2555 เวลา 19.30 น.
- ดิฉันจึงขอแจ้งความเพื่อขอดู CCTV ที่บก.สยาม
- ไปดู CCTV ที่บก.สบาม กับสามี (Mr. John Behan) ลูกสาว (เด็กหญิง เขตมณี บีฮัน) คุณแม่ดิฉันและเพื่อนรวม 5 คน ซึ่งได้ดูการขึ้นลง-เข้าออก BTSของสามีกับลูกสาว ตั้งแต่สามีไปรับลูกสาวที่โรงเรียน พามาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีสุรศักดิ์ – เปลี่ยนเส้นทางที่สถานีสยาม ขึ้นรถที่สถานีสยาม มาลงที่สถานีพร้อมพงษ์ ออกไปร้านอาหารเพื่อแสดงความยินดีกับลูกสาวในวันจบการศึกษา ชั้นอนุบาลสาม โดยทานอาหารกับลูกสาวและเพื่อนของสามีซึ่งเป็นครูชาวต่างประเทศที่สอนอยู่ใน โรงเรียนเดียวกันกับสามี จากนั้นพาลูกมาขึ้นรถที่สถานีพร้อมพงษ์ เพื่อกลับบ้านที่สถานีอารีย์ แต่รปภ.บอกว่าเอาลูกโป่งไปไม่ได้ ห้ามเอาลูกโป่งขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ใบ สามีได้พยายามอธิบายว่าวันนี้เป็นวันจบการศึกษาชั้นอนุบาล 3 ของลูกสาว เป็นของขวัญ ของแสดงความยินดีที่คุณครูและผู้ปกครองของเพื่อนให้ลูกสาวมา มีความสำคัญมากต่อจิตใจของลูก ขอความกรุณาให้นำไปด้วย แต่รปภ.ไม่ยินยอม ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของลูกโป่ง ถึงอย่างไรก็ให้ผ่านไปไม่ได้สามีพยายามอธิบายว่าผ่านขึ้นลงมาตั้งหลายสถานี ไม่เห็นมีอะไร ก็ผ่านมาได้ จนจะเดินทางกลับบ้านแล้ว ทำไมจึงจะเอาลูกโป่งไปไม่ได้? พนักงานสถานีออกมาบอกว่าจะผ่านไปต้องเอาลูกโป่งทิ้งถังขยะ สามีไม่ทิ้งและพยายามจะผ่านเข้าทางพิเศษสำหรับผู้พิการ แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอม มีการฉุดดึง เสียงดัง และสามีเหวี่ยงลูกโป่งลงถังขยะ และเตะถังขยะสีดำล้มคว่ำ ลูกโป่งลอยเข้าไปในสถานี แม่บ้านโยนออกมา ผ่านเข้ามาได้ และขึ้นบันได ตอนกำลังจะเข้าไปในตัวรถไฟฟ้า ถูกกระชากออกมาจากตัวรถไฟฟ้า มีลูกสาวยืนอยู่ติดกัน เห็นรปภ.และเจ้าหน้าที่รถ BTS พร้อมพงษ์ รุมทำร้ายร่างกาย กระหน่ำตี!!
ขอถามว่า :
1.มาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของคุณ (รถไฟฟ้า BTS) มีอย่างไร? ทำไมแต่ละสถานีไม่เหมือนกัน ทำไมถ้าลูกโป่งเอาขึ้นรถไฟฟ้าเกิน 1 ลูกไม่ได้ แต่สถานีสุรศักดิ์ เดินสวนกับรปภ. ก็ไม่เห็นมาอธิบายหรือห้ามแต่อย่างใด จนมาถึงสถานีสยาม และขาออกสถานีพร้อมพงษ์ ก็ไม่ถูกห้าม สามารถออกได้เหมือนผู้โดยสารปกติ
2.มาตรฐานการระงับเหตุในแต่ละระดับความร้ายแรง
2.1 สามีไม่มีอาวุธใดๆ ไม่ได้เมาสุรา มากับลูกสาวในวันแห่งความยินดี
2.2 การระงับเหตุหากคุณเพียงล๊อคตัว หรือถ้าอาละวาดไม่หยุด คุณใส่กุญแจมือ แล้วเรียกตำรวจมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ถ้าทำลายข้าวของหรือทรัพย์สินของ BTS ก็จะสมควรแก่เหตุ แต่ทำไมต้อง ทุบตีด้วยเครื่องตรวจอาวุธที่เป็นโลหะ มิใช่กระบองที่เป็นอุปกรณ์ประจำตัวของรปภ.ในการรักษาความปลอดภัย ทุบตีเกินสมควรแก่เหตุ ต่อหน้าต่อตาลูกสาว ซึ่งเป็นการกระทำที่รุนแรงต่อจิตใจของลูกสาวอย่างที่สุด ถ้าคุณเห็นใครรุมตีบุพการรีของคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร?
(โปรดอธิบาย ขอคำอธิบายถึงสภาพจิตใจของคุณด้วยอย่างละเอียด เพื่อคุณจะได้เข้าใจถึงจิตใจลูกสาวของดิฉันที่เห็นพ่อถูกรุมทุบตีจากรปภ.และ เจ้าหน้าที่ของคุณว่าเจ็บปวด ทรมาน เพียงใด ร้องไห้ขอให้คนช่วยพ่อ ห้ามให้หยุดตีพ่อ พ่อที่ทำหน้าที่พ่อถือดอกไม้แสดงความยินดี ช่อลูกหมี ลูกโป่งให้ลูก แล้วพ่อผิดมากมายถึงขั้นต้องทุบตีขนาดนี้เลยหรือ? (ช่วยตอบคำถามของเด็กหญิงอนุบาล 3 อายุ 7 ปีด้วยค่ะ ว่าพ่อหนูทำผิดมากขนาดนั้นเลยหรือ?)
หนูรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดมากๆ ที่ให้พ่อช่วยถือให้ ทำให้พ่อถูกรุมตี หนูกลัวพ่อเจ็บ กลัวพ่อตาย และคิดว่าถ้าหนูถือเองเขาจะรุมตีหนูไหม? Daddy จะช่วยเขตมณีสู้ได้มั้ย เขาจะตีหนูแบบที่ตีพ่อไหม?! หรือว่าพ่อหนูผิดยิ่งกว่าผู้ก่อการร้ายที่แม้แต่ตำรวจยังป้องกันในการทำแผน ไม่ให้โดนประชาชนรุมทำร้าย แล้วพ่อหนูทำอะไร? มีอาวุธอะไร? ทำไมถึงทำกับ daddy แบบนี้?
บาดเจ็บร่างกายรักษาแล้วหายได้ บาดเจ็บจากจิตใจจะทำอย่างไร? และถ้าการตีหรือเครื่องตรวจโลหะนั้นพลาดมาตีโดนลูกสาวดิฉัน คุณจะทำอย่างไร? ใครจะรับผิดชอบ?
2.3 หากสามีของดิฉันต้องพิการหรือตายเพราะการรักษาความปลอดภัยของคุณ ใครคือคนที่จะต้องรับผิดชอบ เพราะสามีของดิฉันเป็นผู้นำของครอบครัว คำพูดที่เจ้าหน้าที่พูดว่าสามีทำร้ายร่างกายรปภ.ก็เป็นการโกหกต่อหน้าเด็ก และยังรายงานเท็จต่อผู้บริหาร แจ้งความเท็จต่อสถานีตำรวจ เช่น
- ผู้โดยสารอาละวาด ทำลายข้าวของ
- ผู้โดยสารทำร้ายรปภ. บีบคอ รปภ.
- ผู้โดยสารไม่ชำระค่าโดยสาร ฯลฯ
ที่ แจ้งเท็จเพื่อให้สถานีพร้อมพงษ์เป็นฝ่ายถูก ผู้โดยสารเป็นฝ่ายผิด และยังไร้มนุษยธรรมไม่เรียกหน่วยปฐมพยาบาลมาช่วยห้ามเลือด ทำแผลให้ในระหว่างรอภรรยามาที่สถานี (ถ้าดิฉันไม่ได้อยู่ในกทม. สามีคงเลือดไหลไม่หยุด และอาจเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต) ดิฉันเห็นแล้วสงสารสามี สงสารลูกสาวมาก สงสารสุดใจ ไม่คิดว่าการตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางกลับมาอยู่ประเทศไทย (บ้านเกิด) จะทำให้สามีต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แบบที่ไม่คิดว่าจะเกิดได้กับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่เป็นผู้โดยสารแบบซื้อตั๋วโดยสารรายเดือน เป็นผู้โดยสารมาตั้งแต่มาอยู่ประเทศไทย มีใบอณูญาตทำงาน เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งที่ต้องเดินทางไปกลับด้วย รถไฟฟ้าประจำจากบ้าน ที่สถานีอารีย์ สถานีสุรศักดิ์ ฯลฯ แต่กลับมาถูกกล่าวหาจากสถานพร้อมพงษ์ว่าผ่านโดยไม่ชำระค่าโดยสาร ซึ่งนอกจะถูกทำร้ายร่างกายแล้ว ยังมาหมิ่นประมาทดูถูกว่าค่าโดยสารก็ไม่จ่าย ซึ่งขอชี้แจงว่า ขอให้ทำการตรวจสอบตั๋วเดือน และตั๋วโดยสารของลูกสาวที่ซื้อผ่านเข้าสถานีพร้อมพงษ์ก็ยังไม่ได้ผ่านออก (ตอนนี้ก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึก 16 มีนาคม 2555 รถไฟฟ้ามหาโหด)