สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ว่า อุทยานสัตว์ป่าในเมืองบูบา เอ็น ดิดา ของแคเมอรูนเปิดเผยว่า ช้างกว่า 200 เชือกในอุทยานได้ถูกสังหารตายเกลื่อนจากฝีมือนักล่า ซึ่งถือเป็นช้างจำนวนถึงครึ่งหนึ่งของอุทยานทั้งหมด และถือเป็นครึ่งในการสังหารหมู่ช้างครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกในรอบหลาย ทศวรรษ โดยช้างเหล่านี้ถูกสังหารตั้งแต่เดือนม.ค.จากนักล่าขี่ม้าจากประเทศชาดและ ซูดาน และล่าสุด เมื่อสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่อุทยานได้พบซากช้างเพิ่งตายกว่า 20 เชือก
รายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ทางการแคเมอรูนส่งทีมพิเศษติดตามล่าบรรดานักล่า ช้าง เพื่อยุติปฎิบัติการล่าช้างโหดที่เกิดขึ้น โดยส่งทหารเจ้าไปยังอุทยานแห่งนี้ เมื่อวันที 1 มี.ค. แต่หน่วยงานคุ้มครองสัตว์("WWF)ตำหนิว่า มาตรการดังกล่าวถือว่าช้าไปแล้ว โดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของแคเมอรูนจัดการกับปัญหานี้อย่างล่าช้า และว่า ที่ผ่านมา พฤติกรรมล่าช้าตามพรมแดนแอฟริกาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมา จำนวนการสังหารช้างในปีนี้ได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดฝัน และว่า ที่ผ่านมา มีช้างในแคเมอรูนกว่า 400 เชือกถูกล่าเพื่อเอางวง นับตั้งแต่ปฎิบัติการสังหารหมู่ช้างเริ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากการประเมินเมื่อปี 2007 ระบุว่า แคเมอรูนมีช้างเป็นจำนวน 1,000-5,000 เชือก ขณะที่นักพิทักษ์สิ่งแวดล้อมยังได้โจมตีจีนว่ามีอิทธิพลต่อการล่าสังหารช้าง โดยงวงช้างส่วนใหญ่ถูกนำเข้าจีนและไทย เพื่อนำไปทำเป็นเครื่องประดับและเครื่องตกแต่ง โดยแม้ว่าจีนจะมีเป็นตลาดนำเข้างวงช้างที่ถูกควบคุมอย่างสูงสุด แต่ก็มีการลักลอบนำงวงช้างผิดกม.เข้าเมืองจีนอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน มาด้วย