บุคครากรชาวจีน สมัยหนึ่ง

ขงจื่อ(孔子)กับสำนักปรัชญาขงจื่อ

ขงจื้อ  (ก่อนค.ศ. 551-479) มีชื่อตัวว่า ชิว  เป็นคนรัฐหลู่ (คำว่า”จื้อ ” เป็นคำยกย่องผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็น“อาจารย์”) เป็นนักคิดและนักการศึกษาที่ยิ่งใหญ่ในปลายสมัยชุนชิวและเป็นผู้ก่อตั้งสำนักปรัชญา“หยูเจีย” 

เมิ่งจื้อ(372–289ปีก่อนคริสต์ศักราช)เป็นนักคิดผู้ยิ่งใหญในสมัยจั้นกั๋ว (ปี 475 – 221 ก่อนคริสต์ศักราช)่  เป็นตัวแทนสำคัญแห่งสำนักปรัชญาขงจื้อหรือเรียกว่า”หยูเจีย”ใน ประวัติศาสตร์ของจีน

เมิ่งจื้อแซ่เมิ่ง  มีชื่อว่า  เคอ(轲)

สืบเชื้อสายตระกูลขุนนางในรัฐหลู่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของขงจื้อ(เมืองโจว เฉิงมณฑลซานตุงในปัจจุบัน)สมัยที่เมิ่งจื่อมีชีวิตอยู่นั้น เป็นยุคที่มี ปรัชญาการเมืองนับร้อยสำนัก เมิ่งจื่อเป็นครูสอนหนังสือ มีประสบ การณ์คล้ายๆกับขงจื้อ 

จู่ชงจือ (Tsu-Chung-Chih) เกิดที่เมืองเจี้ยนคาง(คือเมืองหนานจิงในปัจจุบัน)เป็นนักคณิต ศาสตร์และนักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณของจีน บรรพบรุษของเขาล้วนทำงานในด้านการวิจัยปฎิทินดาราศาสตร์ จู่ชงจือจึงมีโอกาสได้ศึกษาความรู้ด้านคณิตศาสตร์และดารา ศาสตร์ตั้งแต่อายุยังน้อย

จางเหิงเกิดที่ตำบลหนานหยังมณฑลเหอหนานในภาคกลางของจีน เมื่อเขายังเป็นหนุ่ม เขาพยายามเรียนรู้หนังสือ เเละชำนาญในการประพันธ์ เมื่ออายุ 17 ปี เขาออกจากหมู่บ้าน เเละเดินทางไปถึงเมืองฉางอัน  คือเมืองซีอันในปัจจุบัน  เป็นเมืองที่มีหลายราชวงศ์ตั้งเป็นเมืองหลวงในประวัติศาสตร์ จีน จางเหิงสำรวจโบราณสถานที่นี่ ตรวจสอบสภาพด้านจารีตประเพณี สังคมเเละเศรษฐกิจ หลังจากนั้น จางเหิงซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่เเละ มีความสามารถได้รับเลือกจากราชวงศ์ตงฮั่น เเละเชิญเขารับตำ เเหน่งหลายครั้ง เขาเคยเป็นข้าราชการหลายระดับ

ซูอู่เป็นชาวฮั่นของจีนสมัย100ปีก่อนคริสต์ศักราช เวลานั้น ราชวงศ์ฮั่นที่อยู่ ภาคกลางของจีนมีความสัมพันธ์ลุ่มๆดอนๆกับ ชนเผ่าซงหนู  เมื่อ 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช หัวหน้าคนใหม่ของชนเผ่าน้อยขึ้นดำรงตำเเหน่ง กษัตริย์ชาวฮั่นส่งซูอู่นำ บริวารกว่า100คนพร้อมกับเงินทอง ไปเยือนชนเผ่าซงหนูเพื่อสร้างมิตรสัมพันธ์

เขตสุสานจักรพรรดิซีเซี่ยทั้งเขตตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้างว่างเปล่ากว้าง 50 ตาราง กิโลเมตร เป็นเขตสุสานของจักรพรรดิที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ดีที่สุดของจีน ในปัจจุบันเท่ากับเขตสุสานจักรพรรดิราชวงศ์หมิงในกรุงปักกิ่ง มีสุสานจักรพรรดิ 9 สุสานและสุสานขุนศึกขุนนางกว่า 250 สุสาน สุสานจักรพรรดิทั้ง 9 สุสานล้วนเป็นรูป 4 เหลี่ยมผืนผ้า ทั้งใหญ่ทั้งสง่างามมาก

สมัยก่อนโน้น  ตู้ เป่า ผู้ว่าการอำเภอหนันอันมีลูกสาวคนหนึ่งซื่อว่า ตู้ ลี่เหนียง เธอเป็นคนสวยงามมาก และฉลาดด้วย  ตู้ เป่าได้เชิญครูมาสอนลูกสาวให้เรียน“คัมภีร์ซื่อ จิง” ซึ่งเป็นคัมภีร์รวบรวมบทกวีโบราณของจีน  หญิงรับใช้ของเธอชื่อชุนเซียงก็เป็นเพื่อนเรียน”คัมภีร์ซื่อ จิง”ด้วยกัน  แต่ชุนเซียงซนกว่า มักจะออกไปเที่ยวเวลาเข้าเรียน

กำแพงเมืองผิงเหยามีระยะทางยาวรวมกว่า 6,000 เมตร สูง 12 เมตร กำแพงเมืองเป็นรูปเต่า มี 6 ประตู คือ ด้านเหนือและด้านใต้มีด้านละ 1 ประตู ด้านตะวันออกและด้านตะวันตกต่างมีด้านละ 2 ประตู ประตูด้านใต้เป็นหัวเต่า หน้าประตูด้านใต้มีบ่อน้ำ 2 บ่อ เป็นดวงตาสองข้างของเต่า ประตูด้านเหนือเป็นหางเต่า ตามวัฒนธรรมที่มีแต่ดั้งเดิมของจีน เต่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า มีอายุยืน คือ คนจีนสมัยโบราณหวังว่า เมืองผิงเหยาจะมีความมั่นคงอย่างสมบูรณ์ชั่วนิรันดร์

นายเหยียน เหลียงคูน เป็นรองประธานของสมาคมนักดนตรีของจีน ประธานกรรมการชุมนุมวาทยกรร้องประสานเสียง  ผู้กํากับคณะวงดนตรีชนชาติส่วนกลางในค.ศ.1923 เขาเกิดที่เมืองอู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย  เริ่มกํากับการแสดงในขบวนการร้องเพลงเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นกอบกู้ประเทศชาติในค.ศ.1938   เป็นวาทยกรเรื่อง“การขับร้องหมู่แม่นํ้าหวงเหอ”ของ“คณะละครเด็ก”

สูงสุดคืนสู่สามัญจากคนธรรมดาสู๋ คนธรรมดา

จากผู้น้อย สู่ผู้ธรรมดา

Credit: nontawat4440
16 มี.ค. 55 เวลา 23:43 5,507 50
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...