ห่วงสมุนไพรเก็บจากป่า 6 ชนิดเสี่ยงสูญพันธุ์

นักวิชาการ-สสส. ห่วงสมุนไพรเก็บจากป่า 6 ชนิดเสี่ยงสูญพันธุ์ เผยคนเมืองบริโภค

ฟุ่มเฟือย ตามกระแสแบบครอบจักรวาล ได้ไม่คุ้มเสีย หวั่นถูกหลอกนำของอื่นผสมแทน

ขณะที่คนชนบทยังใช้แบบภูมิปัญญาดั้งเดิมถึง 78 % แนะ สธ.-ทส. เร่งสำรวจจัดทำ

แผนที่สมุนไพรภายใน 3 ปี ช่วยรู้โรค รู้แหล่งยา ป้องกันสูญหาย-ถูกฉกทรัพยากรหลัง

เข้าสู่ประชาคมอาเซียน

 

ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) เครือข่ายสุขภาพวิถีไทย

เครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค มูลนิธิสุขภาพไทย และแผนงานสร้างเสริมระบบสุขภาพ

ชุมชนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุข

ภาพ (สสส.) จัดสัมมนาวิชาการ "ร่วมอนุรักษ์และปลูกป่าสมุนไพรให้ยั่งยืนได้อย่างไร?"

พร้อมจัดทอดผ้าป่าพันธุ์ไม้ "ปลูกยารักษาป่า" เพื่อสมทบทุนการปลูกป่าสมุนไพร 12

พื้นที่ในเครือข่ายหมอพื้นบ้าน 4 ภาค

โดย นางภัสรา ชวประดิษฐ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ กลุ่มส่งเสริมการ

ผลิตพืชสมุนไพร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า

จากฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกร ปี 2553 ของกรมส่งเสริมการเกษตร มีเกษตรที่

ปลูกพืชสมุนไพร 11,192 ครัวเรือน มีเนื้อที่ปลูกพืชสมุนไพร รวม 47,890 ไร่ มีวิสาหกิจ

ชุมชนผู้ผลิตและแปรรูปสมุนไพรมีจำนวน 1,519 วิสาหกิจชุมชน มีการปลูกพืชสมุนไพร

53 ชนิด โดยพืชสมุนไพรที่มีการปลูกเชิงการค้า ได้แก่ ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร บัวบก ว่าน

หางจระเข้ พริกไทย และไพล ซึ่งปัญหาของการปลูกสมุนไพร คือ ปริมาณอาจมากหรือ

น้อยเกินไป คุณภาพ และความปลอดภัย สมุนไพรป่าที่ไม่มีการปลูก เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์

เพราะมีการเก็บสมุนไพรไปใช้หรือขาย เช่น รากย่านาง รากคนทา รากมะเดื่อชุมพร รากชิง

ซี่ รากท้าวยายม่อม และอัคคีทวาร ซึ่งการปลูกพืชสมุนไพรมีข้อจำกัด เกษตรกรขยายพันธุ์

ไม่เป็น ต้องใช้เวลาเพาะพันธุ์นาน และหลายชนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

ดร.อุษา กลิ่นหอม อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย

มหาสารคาม กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการคุ้มครองสมุนไพรในเขตป่าอนุรักษ์ ใน

พื้นที่ภูผากูด จ.มุกดาหาร และ จ.มหาสารคาม พบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ชนบทบริโภคและ

ใช้สมุนไพรมากถึง 78% เป็นการใช้เพื่อเยียวยา รักษาผ่านการปรึกษาหมอพื้นบ้าน และ

อาศัยภูมิปัญญาความรู้ที่มีอยู่ในชุมชน ทำให้สมุนไพรถูกใช้อย่างคุ้มค่าเฉพาะที่จำเป็น

ส่วนในพื้นที่เขตเมือง ประชาชนนิยมบริโภคสมุนไพรแบบสำเร็จรูป เช่น ขมิ้นชัน มะรุม ฟ้า

ทะลายโจร เป็นต้น และเป็นการใช้ตามกระแส โดยไม่ได้คำนึงว่าเหมาะสมกับสภาพหรือ

ความจำเป็นต่อร่างกายหรือไม่ ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ถูกนำมาใช้มากเกินความจำเป็น สูญ

เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ และเสี่ยงต่อการถูกหลอก เพราะทรัพยากรที่เป็นสมุนไพรชนิด

นั้นๆ มีไม่เพียงพอต้องนำของอื่นมาผสมแทน ซึ่งอาจอันตรายต่อสุขภาพ จึงควรส่งเสริม

และให้ความรู้แก่คนไทย รู้จักการใช้สมุนไพรให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงมากกว่าการใช้

ตามการถูกกระตุ้นของสื่อต่างๆ

"สิ่งสำคัญที่ควรเร่งดำเนินการเพื่ออนุรักษ์สมุนไพรจากป่า คือ กรมพัฒนาการแพทย์แผน

ไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ

สิ่งแวดล้อม ควรประสานความร่วมมือศึกษาและสำรวจแหล่งของสมุนไพรชนิดต่างๆ ว่ามี

อยู่ในพื้นที่ใด มีสรรพคุณอย่างไร เพื่อจัดทำเป็นแผนที่สมุนไพรของประเทศไทยว่ามี

สมุนไพรชนิดไหนอยู่ในภูมิภาคใด และควรส่งเสริมให้มีการปลูกอย่างไร ซึ่งจะมีประโยชน์

อย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางการอนุรักษ์และส่งเสริมสมุนไพร และควรดำเนินการให้ได้

อย่างน้อย 50% ของทั้งประเทศภายใน 3 ปีนับจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมยทรัพยากร

ของประเทศเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558" ดร.อุษา กล่าว

น.ส.พะยอม ดีน้อย เครือข่ายรักษ์ม่อนยาป่าแดด จ.เชียงราย กล่าวว่า การสนับสนุน

ให้ประชาชนในชุมชนหันมาเห็นความสำคัญ และสนใจการปลูกพืชสมุนไพร เริ่มจากหารือ

กับหมอพื้นบ้านในชุมชน เพื่อนำเรื่องเล่าหรือตำนานของชุมชนที่เกี่ยวข้องกับม่อนยาหรือ

ดอยเล็กที่มี ยาสมุนไพรมาเล่าให้ในชุมชนรับรู้ ทำให้ทุกคนเกิดความภาคภูมิใจในผืนป่า

ชุมชนที่มีคุณค่ามาตั้งแต่อดีต คนในชุมชนจึงร่วมมือร่วมใจเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ม่อนยาไว้ให้

ลูกหลาน จนเกิดเป็นการจัดตั้งเครือข่ายรักษ์ม่อนยาที่มีชาวบ้านจากภาคส่วนต่างๆ ทั้ง

เยาวชน สตรี และภาครัฐ เข้ามาร่วมกันทำงานปลูกป่าสมุนไพรและอนุรักษ์ ด้วยการตั้งกฎ

กติกาการใช้ประโยชน์จากม่อนยา ส่งผลให้สภาพป่าที่เคยแห้งแล้งกลับมารกครึ้มและมี

ต้นไม้ใหญ่ สมุนไพร ปัจจุบันชาวบ้านเห็นความสำคัญของป่าสมุนไพรมาก มีการระดมเงิน

ทุนเพื่อขอซื้อที่ดินที่เคยเป็นป่าสมุนไพรคืนจากชาวบ้านที่เคย บุกรุก

นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสมุนไพร

หลายชนิดมีความต้องการของตลาดอย่างมาก เช่น ขมิ้นชันใช้ทำยาแก้ท้องอืดเฟ้อและ

บรรเทาอาการโรคกระเพาะ แต่สมุนไพรเหล่านี้ยังสามารถส่งเสริมการปลูกเพิ่มขึ้นได้ง่าย

ที่น่าห่วงและเป็นสิ่งที่ทางมูลนิธิฯ ทำงานกับเครือข่าย คือ การรวบรวมพันธุ์สมุนไพรจาก

ป่าที่มีปริมาณการใช้สูงขึ้นเรือยๆ และเริ่มจะหายากขึ้นทุกวัน นำสมุนไพรเหล่านี้กลับมา

ปลูกในพื้นที่ป่าชุมชน ในเขตวัดป่า และในครัวเรือน เพื่อเป็นการอนุรักษ์และขยายพันธุ์

สมุนไพรให้เพียงพอต่อการใช้ และเป็นการฟื้นฟูป่าธรรมชาติ ขณะนี้ได้มีการจัดทำข้อมูล

วิธีการการปลูกพืชจากป่า โดยมีเครือข่าย 12 พื้นที่นำร่องดำเนินการปลูกพืชเหล่านี้ ไม่

น้อยกว่า 26,000 ต้น แยกชนิดได้มากกว่า 60 ชนิดสมุนไพรที่กำลังขาดแคลน

 

ที่มา : สำนักข่าว สสส.


Credit: http://campus.sanook.com/947982
#สมุนไพร #ป่า #6 #ชนิด #เสี่ยง
Hoyjoke
เจ้าของบทประพันธ์
สมาชิก VIPสมาชิก VIPสมาชิก VIP
13 มี.ค. 55 เวลา 09:04 2,067 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...