เริ่มเกมมา 4 นาทีทีมเยือนทักทายก่อนจาก เลียม ริดจ์เวลล์ เปิดจากซ้ายไปให้ คีธ แอนดรูว์ส เข้าชาร์จไม่ตรงกรอบ มาถึงนาทีที่ 9 เจ้าบ้านได้ลุ้นบ้างเมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค กระซากเข้าไปหน้าประตูก่อนจ่ายให้ แอชลี่ย์ ยัง ทางซ้ายซัดติดเซฟของ เบน ฟอสเตอร์ แบบได้ลุ้น
นาที 16 เวสต์บรอม ได้ฟรีคิกก่อนเขี่ยเปลี่ยนจุดให้ คีธ แอนดรูว์ส ยิงแฉลบไปโดนกำแพง ดาบิด เด เคอา ล้มตัวปัดบอลไว้ได้
นาที 32 แมนฯ ยูฯ ได้โอกาสจาก แอชลี่ย์ ยัง วางบอลยาวไปให้ เวย์น รูนี่ย์ แต่จังหวะจับบอลไม่ดีเด้งแรงเข้ามือ เบน ฟอสเตอร์ รับเอาไว้ได้ไม่มีปัญหา จังหวะต่อมา “ผีแดง” พังประตูขึ้นนำ 1 ต่อ 0 จนได้เมื่อ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ได้บอลทางขวาก่อนเล็งไปเสาไกลแล้วมี เวย์น รูนี่ย์ โฉบตัดบอลเข้าประตูไปได้ในนาที 36
ก่อนจบครึ่งแรก 5 นาที ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีโอกาสลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ แอชลีย์ ยัง เปิดบอลจากกราบซ้ายมาทางเสาสอง ฟิล โจนส์ วิ่งมาโหม่งเข้าข้างตาข่าย แถมกองหลังดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษเบรกไม่อยู่วิ่งเลยไปชนป้ายโฆษณาจนเจ็บตัวเล็กน้อย สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่มจบครึ่งแรกไป
เกมครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ลงสนามมาก็เดินหน้าบุกต่อ ในนาที 52 จากจังหวะโต้กลับเร็ว รูนีย์ จ่ายบอลให้ ชิชาริโต หน้าเขตโทษ กองหน้าเม็กซิกันแต่งหนึ่งจังหวะก่อนซัดด้วยขวา หมดสิทธิ์ที่ ฟอสเตอร์ จะป้องกันทัน แต่โชคร้ายบอลไปชนเสายังไม่ได้ลูกที่สอง
ถัดมานาที 58 พอล สโคลส์ วางบอลยาวจากกลางสนามข้ามแนวรับมาถึง เวลเบ็ก ในเขตโทษดวลตัวต่อตัวกับ ฟอสเตอร์ แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษบิดข้อเท้ามากเกินไปยิงบอลผ่านหน้าประตูหลุดเสาสอง เวสต์บรอมวิชยังหาโอกาสทำประตูตามตีเสมอแบบจะแจ้งไม่ได้ ผ่านมาถึงนาที 65 สถานการณ์ของทีมยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อ โจนาส โอลส์สัน ไปเสียบใส่ ชิชาริโต ถูกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงทำให้ทีมเหลือผู้เล่น 10 คน
หลังจากตัวผู้เล่นมากกว่า เจ้าถิ่นยิ่งเล่นสบายมากขึ้น กระทั่งนาที 70 แอชลีย์ ยัง ถูก แอนดรูวส์ ดึงล้มลงในกรอบ 18 หลาทำให้ทีมได้จุดโทษ ก่อนที่ รูนีย์ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด