งานวิจัยรัฐบาลลาวแฉ บ่อนสะหวันนะเขตคึกคัก รับนักพนันจากเมืองไทยข้ามสะพานมิตรภาพจากมุกดาหารวันละกว่า 1,500 คน โกย 13,000 ล้านบาท/ปี หมดเงินเฉลี่ย 35,000 บาท/เที่ยว คนพื้นที่ชี้กาสิโนเพิ่มจ้างงาน-รายได้ แต่ปัญหาสังคมตามมาเพียบ ครอบครัวแตกแยก หมดตัว ยาเสพติด โสเภณี การค้ามนุษย์


จากกรณีที่นายรัศม์ ชาลีจันทร์ กงสุลใหญ่ไทย ประจำแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ออกมาเตือนนักเสี่ยงโชคชาวไทย อย่าเล่นเพลินจนหมดเงินกลับบ้าน หลังจำนวนนักพนันถูกทางการลาวกวดขันจับกุมเพิ่ม เนื่องจากเล่นการพนันจนเงินหมด และอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเกินกำหนด ต้องหาญาติมาใช้หนี้บ้าง ใช้วิธีปล้นหาเงินมาเล่นการพนันต่อบ้าง

ผู้สื่อข่าวได้ค้นพบงานวิจัยเรื่อง "ต้นทุนและผลกำไรด้านเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ของโครงการสะหวัน เวกัส กาสิโน และโรงแรม" ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงวางแผนและการลงทุน ของรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รายละเอียดงานวิจัยระบุว่า คนไทย คือกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของจำนวนนักพนันกว่า 1,500 คนในแต่ละวัน ที่เข้าไปหวังรวยในกาสิโนขนาดพื้นที่กว่า 300 ไร่แห่งนี้

งานวิจัยชิ้นนี้ที่ถูกนำมาเผยแพร่เมื่อปี 2554 ที่ผ่านมาระบุว่า 3 ใน 4 ของนักพนันที่ถูกสัมภาษณ์ในงานวิจัยชิ้นนี้ให้ข้อมูลว่า เสียพนันมากกว่าได้จากการเข้าบ่อนในแต่ละครั้ง มีเพียง 1/4 เท่านั้นที่บอกว่าได้มากกว่าเสีย โดยอัตราเฉลี่ยของเงินได้จากการเล่นพนันอยู่ที่ 8,310 บาท ขณะที่นักเล่นที่เสียมากกว่าได้ มีอัตราเฉลี่ยของเงินที่เสียที่ 35,000 บาทต่อเที่ยว แม้เสียมากกว่าได้ นักพนันทั้งหมดก็บอกเป็นเสียงเดียวว่าจะกลับมาเล่นอีก เพื่อถอนทุนคืน

งานวิจัยของรัฐบาลดังกล่าวประเมินว่า รายได้ของกาสิโนแห่งนี้ซึ่งรัฐบาลลาวถือหุ้นอยู่ 20% อยู่ที่ 1,095 ล้านบาท ต่อเดือน หรือ 13,140 ล้านบาทต่อปี

โครงการสะหวัน เวกัส กาสิโน และโรงแรม มีมูลค่าการลงทุนรวม 18.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (555 ล้านบาท) เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดโครงการหนึ่งของ แขวงสะหวันนะเขต ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลลาว ให้เริ่มก่อสร้างในปี 2550 และเปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายน 2552 เพียง 2 ปี หลังสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 เชื่อมมุกดาหาร-สะหวันนะเขต สร้างเสร็จ โดยบ่อนแห่งนี้อยู่ห่างสะพานเพียง 3 กิโลเมตร มีการอำนวยความสะดวกจัดรถรับส่งนักพนันจากด่านตรวจคนเข้าเมืองมุกดาหารถึงประตูบ่อน ในอนาคตโครงการยังมีแผนสร้างสนามกอล์ฟ และไนต์คลับอีกหลายแห่งในพื้นที่รอบโครงการเพื่อดึงดูดนักเสี่ยงโชคเพิ่ม

ล่าสุดเว็บไซต์ของโครงการได้จัดรายการพิเศษ ชักชวน ชาวไทยอีสานในหลายจังหวัดให้ไปเที่ยว โดยใช้สโลแกน "วันเดียวเที่ยวสะหวัน 800 บาท/คน และ Two days One night เที่ยวสะหวัน เวกัส ในราคา 1,600 บาท" ผ่านทาง http://www.savanvegas.com/thai/promotions.html

สะหวัน เวกัสฯ มีบริษัท Sanum Investment Ltd. จาก Macau ถือหุ้น 60% รัฐบาลลาวถือหุ้น 20% บริษัทเอกชนของลาวอีก 2 แห่ง แห่งละ 10% โครงการได้ส่งเงินรายได้ในรูปภาษีต่าง ๆ เข้ารัฐบาลแล้วกว่า 60 ล้านบาท ในระหว่างปี 2551 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2553 ถือเป็นรายได้เกือบ 1% ของรายได้ของแขวงสะหวันนะเขต และช่วยสร้างงานหลายร้อยตำแหน่งขึ้น ทั้งในกาสิโนและชุมชนรอบกาสิโน เกิดบ้านพักขนาดล็ก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก แต่ปัญหาสังคมก็ตามมา เช่น การดื่มสุรา หญิงโสเภณี ที่เพิ่มขึ้นทั้งในชุมชมและในบ่อน รวมทั้งปัญหาการค้ามนุษย์

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ กงสุลใหญ่ ประจำแขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาจำนวนนักพนันจากไทยที่ถูกทางการลาวจับกุม เนื่องจากอยู่ในลาวเกินกำหนด หรือก่ออาชญากรรมในลาวมีสูงขึ้น โดยเฉพาะในแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งเป็นที่ตั้งของสะหวัน เวกัส กาสิโน บ่อนพนันที่ถูกกฎหมายในลาว

นักพนันจำนวนมากนิยมใช้หนังสือผ่านทางอายุ 3 วัน (border pass) แทนการถือหนังสือเดินทาง (passport) เดินทางข้ามสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ใน จ.มุกดาหาร ไปเสี่ยงโชค หลายคนอยู่เกินเวลาที่กฎหมายกำหนด หมดตัวไปในระหว่างพนัน ต้องยอมถูกจับกุม คุมขังแทนค่าปรับ และทางสถานกงสุลต้องประสานช่วยหาญาติมารับตัวกลับ เฉลี่ยเดือนละ 3-4 ราย

นายรัศม์กล่าวว่า จำนวนคนไทยที่ไปเล่นพนันที่บ่อนในสะหวันนะเขต มีเฉลี่ยวันละ 300-400 คน ในวันธรรมดา และกว่าพันคนในช่วงสุดสัปดาห์ โดยกว่า 95% ของนักพนันในบ่อนดังกล่าวเป็นคนไทย

ดังนั้นทางจังหวัดมุกดาหาร และด่านตรวจคนเข้าเมือง ควรหามาตรการรองรับนักพนันที่อยู่เกินกำหนด หรือหมดตัวจนไม่มีค่าเดินทางกลับประเทศไทย เช่น บังคับให้ซื้อตั๋วกลับ และแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ตม.ก่อนเดินทางออกนอกประเทศ

"ขณะนี้ประเทศไทยถูกล้อมไปด้วยกาสิโนในทุกภาคของประเทศแล้ว ทั้งฝั่งมาเลเซีย พม่า กัมพูชา และลาว ที่กำลังจะสร้างเพิ่มอีก โดยส่วนตัวเห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องพิจารณาทบทวนนโยบายการห้ามตั้งกาสิโนในประเทศไทย" นายรัศม์กล่าว