ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต (ดีขึ้นมากกก) เปิดใจ "น้องนก" สวยไม่ต้องรอชาติหน้า (ชมคลิป)

 

 

 

 

 

จากสาวหน้าตาบ้านๆ แม้แต่แฟนยังบอกเลิกด้วยเหตุผลที่เจ็บจี๊ดว่าเธอสวยสู้คนใหม่ไม่ได้ คือที่มาของ "นก-วันริสา เนมิราช" ที่ใช้ศัลยกรรม เปลี่ยนตัวเองชนิดที่จำเค้าเดิมแทบไม่ได้

 

 


จากผู้หญิงที่แฟนยังบอกเลิก จากผู้หญิงที่ไม่อยู่ในสายตาของผู้ชาย แต่วันนี้เธอกลายเป็นสาวสวย ถึงขนาดเป็นพริตตี้ เป็นนางแบบถ่ายปกนิตยสาร และปัจจุบันคือเจ้าของธุรกิจความงาม

 


เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายต้องเหลียวมอง และสะใจที่สุดเมื่อแฟนเก่ายังมาตามง้อขอคืนดี

 

 


แต่เชอะ...เมินเสียเถอะ เพราะตอนนี้เธอสวยเลือกได้ และเป็นการเลือกสวยโดยไม่ต้องรอชาติหน้า

 


มติชนทีวี ขอพาไปรู้จักกับหญิงสาวที่เปลี่ยนชีวิตตัวเองด้วยมีดหมอ ด้วยการศัลยกรรม และโชคดีที่เธอทำออกมาแล้วสวยหยด จนทำให้ชะตาชีวิตของเธอพลิกผันแบบที่ไม่เคยคิด เคยฝันมาก่อน

 


รวมทั้งได้รับเชิญไปออกรายการทีวี ยิ่งทำให้เธอมีชื่อเสียงเลื่องลือมากขึ้น

 


เธอเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ใครอยู่เบื้องหลัง แล้ววิธีไหนกันล่ะ?

 


"นก" เท้าความถึงเรื่องราวความรักของเธอเมื่อ 3 ปีที่แล้วให้ฟังว่า คบกับผู้ชายคนหนึ่งมานานประมาณ 5-6 ปี และตลอดเวลาที่คบกัน เขาก็แอบไปมีกิ๊ก ซึ่งระหว่างที่คบหากัน เธอก็รู้ว่าฝ่ายชายไม่ได้ซื่อสัตย์ ไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว ทุกครั้งที่เธอเอ่ยชื่อ หรือพูดถึงผู้หญิงคนนั้นเมื่อไร ก็จะมีปากเสียงกันทุกครา บางครั้งก็ถึงกับลงไม้ลงมือทำร้ายเธอเลยทีเดียว...

 


ที่แย่กว่านั้น เธอได้รับการดูถูกจาก "ผู้หญิงคนนั้น" ด้วยการโทรศัพท์มาเยาะเย้ย ถากถาง สารพัดจะสรรหามาว่ากันให้เจ็บปวด

 


"ทั้งรูปร่างหน้าตา และความสวย เธอไม่มีอะไรดีสักอย่าง จะเอาอะไรมาสู้กับคนระดับฉัน!!!!"


ถ้อยคำรุนแรงนี้เอง กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอในทันที

 


"นก" ตั้งปณิธานกับตัวเธอเองว่า "ถ้าเราเปลี่ยนใจคนอื่นไม่ได้...เราเปลี่ยนตัวเองดีกว่า" และจุดนี้แหละ เป็นจุดเปลี่ยนของ "นก วันริสา" สาวน้อยหน้าตาบ้าน ๆ ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการศัลยกรรมทันที

 


เธอตั้งใจทำงานหมายมั่นที่จะนำเงินมาทำสวยให้ได้ โดยเธอทำงานเกี่ยวกับธุรกิจส่งออกเครื่องหนังกับที่บ้าน และได้เก็บเล็กผสมน้อยๆ อย่างเงียบๆ โดยไม่ได้บอกให้คุณแม่รู้ และช่วงในระหว่างที่เธอเก็บเงิน เธอก็ศึกษาข้อมูลทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัดในการศัลยกรรมอย่างละเอียดถี่ถ้วน พอเธอเริ่มมีเงินพอ ก็พร้อมที่จะทำศัลยกรรมทันที โดยเธอทำศัลยกรรมทั้งหมด 3 ครั้งใหญ่ๆ ด้วยกัน เริ่มแรกคือ การกรีดตาสองชั้น ตัดปีกจมูก และเสริมจมูก ส่วนครั้งที่สอง เธอตัดสินใจไปทำปากบางให้สวยเซ็กซี่เหมือน อั้ม พัชราภา และเสริมคางเพื่อให้คางเรียวยาว และครั้งสุดท้าย เธอไปสักคิ้วสามมิติ เพื่อให้คิ้วของเธอหนา ขนเรียงสวยดูเป็นธรรมชาติ และทำลักยิ้ม เพราะอยากน่ารักแบบสาวหวาน

 

 


เริ่มทำศัลยกรรมครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่ ทำอะไรบ้าง?

 


 

"อายุ 20 ปีค่ะ เก็บเงินเอง ไม่ได้บอกให้คุณแม่รู้ ซึ่งระหว่างที่เก็บเงินก็ศึกษาข้อมูลทั้งข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัดในการศัลยกรรมอย่างละเอียดถี่ถ้วน พอเงินพอ ก็พร้อมที่จะทำศัลยกรรมทันที ตอนนั้นขอแค่ทำออกมาแล้วตัวเองดูดีขึ้นสักนิดก็ยังดี ไม่ได้คิดว่าจะต้องสวยเปะหรือสวยเหมือนดารา เน้นให้สวยเหมือนธรรมชาติมากกว่า อยากออกไปข้างนอกแล้วมั่นใจขึ้น


ช่วงแรกที่ทำศัลยกรรมใหญ่ๆ มี 3 อย่าง คือ ทำตาสองชั้น, ตัดปีกจมูก และเสริมจมูก ทำพร้อมกันเลย จะได้พักฟื้นทีเดียวเพราะไม่มีเวลามานั่งทำทีละอย่าง"

 


ที่บ้านมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังทำศัลยกรรม?


"คุณแม่ไม่อยากกินข้าวร่วมโต๊ะด้วย เพราะหน้าตาหลังทำมันบวมมากๆ ทั้งเขียว ทั้งช้ำ แล้วก็มีรอยเย็บเต็มไปหมด เป็นช่วง 1-2 อาทิตย์ หน้าเหมือนอวตารเลย ประกอบกับรีวิวในเว็บไซต์ดั้งโด่ง ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมความงาม มีหลายคนบอกเล่าประสบการณ์การทำศัลยกรรมผ่านทางเว็บนี้เยอะ นกก็เลยรีวิวรูปตัวเองลงไปบ้าง ปรากฎว่ามีทั้งคอมเม้นต์ที่ให้กำลังใจ กับคอมเม้นต์ที่ตั้งข้อสังเกต อย่าง “ทำไมจมูกเหมือนเสียม เหมือนจอบเลยอ่ะ”, “ทำไมทรงเป็นแบบนั้นล่ะ” พอได้ยินแบบนี้ก็จิตตก ยิ่งคิดว่าไม่น่าไปทำ แต่ก็พยายามคิดว่า ในเมื่อเราทำมาแล้ว ตัดสินใจเอง ต้องยอมรับผลที่ตามมาให้ได้"

 


กว่าจะออกไปนอกบ้านได้ ต้องรอนานแค่ไหน?


"พักฟื้นได้สักพัก ประมาณ 3 เดือน หน้าก็เข้ารูป ดูดีขึ้น หลาย ๆ คนต้องถามว่า เป็นลูกของคุณแม่จริง ๆ หรือเปล่า ส่วนเพื่อน ๆ ตะลึงในความเปลี่ยนแปลง เพราะไม่คิดว่าจะดูดีขึ้น สวยขึ้นได้ขนาดนี้ คนที่ดูทางเว็บไซต์ดั้งโด่ง ให้คอมเม้นต์ยาวเหยียด ส่วนใหญ่ก็จะถามว่าทำที่ไหน ทำไมสวยจัง อยากทำบ้าง
เวลาไปต่างประเทศ นกจะมีปัญหากับ ตม. มาก ๆ เพราะเขาไม่เชื่อว่า นกจะเป็นคนเดียวกันกับรูปในหนังสือเดินทาง"

 


มีส่วนไหนที่อยากแก้ไขอีก?


"หลังจากนั้นก็ไปทำเป็นครั้งที่ 2 เริ่มอยากให้ส่วนอื่นๆ เปะกว่าที่เป็น โฟกัสไปที่ปากของตัวเองที่ใหญ่ ไม่มั่นใจ จึงตัดสินใจไปทำปาก และเสริมคางเพื่อให้คางเรียวยาว หลังจากทำได้ 1 ปี จึงไปทำลักยิ้ม เพราะอยากให้หน้าหวาน และสักคิ้วสามมิติ เพื่อให้คิ้วดูหนา ขนเรียงสวยดูเป็นธรรมชาติ นอกเหนือจากทำศัลยกรรมผ่าตัดแล้ว เพิ่มความสวยงามให้เปะด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ฟีลเลอร์"

 


ทำอะไรเจ็บที่สุด?


"เท่าที่ผ่านการศัลยกรรมมา ขอบอกว่าปากเจ็บที่สุด เจ็บมาก ใช้เวลาพักฟื้น 2 อาทิตย์ ทรมานมาก หมอบอกว่ากล้ามเนื้อมันเยอะ เส้นประสาทเยอะมาก เวลาพูดจะไม่ชัด แรงดูดหลอดยังไม่มีเลย คือต้องกินแบบหยอดข้างๆ
เวลาทำ คุณหมอจะเอาผ้าปิดหน้า เราก็ลุ้นว่าจะเป็นยังไงบ้างเนี๊ย คุณหมอฉีดยาชา ไม่ได้สลบ เพราะไม่ได้ผ่าตัดใหญ่ อย่างดูดไขมัน ทำหน้าอก หรือแปลงเพศ แผลของนกเย็บเก็บด้านใน ก็จะไม่เห็นว่าทำมา"

 

 

ทำไมถึงกล้าเปิดเผยข้อมูลการทำศัลยกรรมตัวเองได้ขนาดนั้น?


"เป็นผู้หญิงคนนึงที่อยากแบ่งปันประสบการณ์กันมากกว่า ที่รีวิวในเว็บดั้งโด่งนอกเหนือจากเรื่องผ่าตัดแล้ว ยังรีวิวอัพเดตเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ไปทำสปาที่ไหน เลเซอร์ที่ไหน ไปฉีดโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ที่ไหน ก็มีคนติดตาม บางคนก็บอกว่าจะลองไปทำ ผลเป็นอย่างไรจะเอามาแชร์ เหมือนเป็นการพูดคุยเล่าประสบการณ์กันเฉยๆ เป็นเว็บที่เปิดฟรี เราไม่ได้ไปเสียค่าโฆษณา หรือต้องโปรโมทตัวเอง ตัวนกเองก็เข้าไปดูรีวิวของคนอื่นเหมือนกัน ว่าเขาไปทำที่ไหนมา ติดตามผลว่าสวยมั้ย หรือทำผมทำเล็บที่ไหน เราก็เอามาศึกษาว่ามันดีจริงหรือเปล่า บางทีนกก็ไปทำตาม"

 

 

 

 

 

 

 


หลังจากทำแล้ว ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง?


"ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ มีชีวิตดีขึ้นได้เพราะการศัลยกรรม ใครหน้าตาดี ก็มีโอกาสในชีวิตมากมาย มีตัวอย่างให้เห็นทั่วไปในสังคมยุคปัจจุบัน


ตอนที่มีคนมาติดต่อให้ไปออกรายการเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมของเรา ยังคิดว่าเรื่องมันน่าสนใจตรงไหนหรอ ทีมงานก็บอกว่าดูหน้าตาเปลี่ยนแปลงแบบไม่น่าเชื่อ อยากรู้ว่าทำอะไรมาบ้าง เหตุผลที่ไปทำเพราะอะไร เพราะตอนที่นกรีวิวในเว็บนกก็ไม่ได้บอกเหตุผลว่าไปทำมาเพราะอะไร พอนกเล่าเหตุผลให้ฟังเขาสนใจมาก อยากให้มาลองออกรายการ ซึ่งเขาก็บอกว่าฟิตแบคที่ตามมาอาจจะถูกมองว่าคนนี้ทำศัลยกรรมมาทั้งหน้า ทั้งตัวนะ รับได้มั้ย แต่กระแสก็จะหายไปประมาณ 1-2 เดือน ก็เลยตกลงไปออกรายการ


แต่พอไปออกมาปุ๊บมันไม่ใช่ ผลตอบรับมันเกินกว่านั้น เริ่มมีคนรู้จักเรามากขึ้น มีคนอยากทำแบบนกหรือบางคนเพิ่งก้าวเข้ามาในวงการศัลยกรรมเขาก็จะมาถามนกว่าทำที่ไหน ไปทำแบบนี้ดีมั้ย หรือหน้าแบบนี้ควรทำอะไรบ้าง กลายเป็นที่ปรึกษา ซึ่งนกก็จะ ให้คำแนะนำเท่าที่ให้ได้


นอกจากนี้ก็มีคนแนะนำให้ลองแคสติ้งงานโฆษณา มีโอกาสได้ถ่ายนิตยสาร เล่นเอ็มวี รับงานพริสตี้บ้าง นกโชคดีที่นกมีเพื่อนอยู่ในสายงาน อย่างที่บอกหน้าตาดีขึ้นก็เหมือนเป็นใบเบิกทาง คนก็จะเข้ามาหา เพื่อนก็เยอะขึ้น สังคมก็เยอะขึ้น การงานดีขึ้น"

 

 

 


ทำไมถึงมาเปิดคลีนิคเสริมความงาม?


"กับธุรกิจเสริมความงามคือ นกโชคดีที่เพื่อนเยอะ มีเพื่อนที่ทำบริษัทยาอยู่แล้ว ส่งตามคลีนิค แล้วนกก็ไปใช่บริการคลีนิคค่อนข้างบ่อย นกก็เลยมีไอเดียว่ามาทำคลีนิคเองดีมั้ย เพราะยาเราก็นำเข้ามาเอง เรารู้อยู่แล้วว่าใช่อันไหนดีอันไหนไม่ดี อย่างเราไปทำที่คลีนิคเราก็ไม่รู้ว่าเขาใช้ตัวไหน พอเรามีช่องทางตรงนี้ เลยชวนเพื่อนมาหุ้นกัน เปิดคลีนิคเล็กๆ ไม่ได้ค้ากำไรเยอะ แต่จะเน้นคนมาทำต้องสวยและพอใจออกไป

 


อย่างนกทำศัลยกรรมมา คนก็จะถามเยอะ ลองผิดลองถูกมากับตัวแล้ว ก็ไม่อยากให้คนที่เพิ่งเข้าหลงไปในทางที่ผิด ซึ่งการทำศัลยกรรมมีทั้งแง่ลบและแง่บวก บางคนต้องการแบบเร่งรัด ใจร้อน ซึ่งตัวนกเองกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ ใช้เวลา 2-3 ปี ไม่ใช่ว่าผ่าปุ๊บจะสวยปั๊บ อย่างบางคนมาบอกว่าทำไมจมูกหนูเป็นแบบนี้ ซึ่งเพิ่งผ่ามา 3 เดือน นกก็จะบอกไปว่าอย่างของนกนี่ 2 ปีกว่านะคะ บางคนเห็นว่า 3 เดือนไม่สวย ก็ไปแก้แล้วแก้อีก แต่ของนกทำครั้งเดียวจบ"

 


นวัตกรรมใหม่ของคลีนิคคืออะไร?


"ตอนนี้ที่คลีนิคเชี่ยวชาญด้าน ร้อยไหม กระชับหน้าด้วยไหมละลาย เป็นนวัตกรรมจากประเทศเกาหลีที่ฮิตมาก ขั้นตอนการทำไม่นาน เห็นผลภายใน 1 ชั่วโมงเลย อันนี้เป็นเทคนิคใหม่ ซึ่งตามคลีนิคอื่นอยากจะยังไม่ค่อยมีเพราะราคาค่อนข้างสูง แต่เรามีอาจารย์แพทย์จากโรงพยาบาลรามาฯ ที่ไปเทรนด์จากเกาหลีเข้ามารับลูกค้า เหมาะสำหรับคนรักสวยรักงาม แต่กลัวการผ่าตัด เป็นอีกทางเลือกรอให้บริการ อย่าง โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เป็นเทคนิคเกาหลีเช่นกัน


ทำไมต้องสไตล์เกาหลี?


"ต้องอิงกระแสเกาหลีเพราะเรื่องศัลยกรรม ค่อนข้างพัฒนารวดเร็ว ด้านเทคนิคที่ล้ำกว่าของไทย ค่านิยมของประเทศเขาในเรื่องศัลยกรรมเปิดกว้างมาก ก็เลยอิงกระแสเกาหลีนิดนึง บวกกับคนไทยชอบดารา นักร้องเกาหลี คงอยากจะให้ดูดีในแบบเดียวกัน"

 


 หากคิดจะทำศัลยกรรมต้องทำอย่างไร?


"นกอยากจะฝากว่า ถ้าคิดจะทำศัลยกรรม หรือนวัตกรรมความงาม หรือว่าจะเดินเข้าคลีนิค ไม่ว่าจะมาหานก หรือไปที่คลีนิคไหนก็แล้วแต่ อยากจะให้ศึกษาข้อมูลให้มากๆ อย่าเพิ่งใจร้อนว่า ถ้าเดินเข้าไปปุ๊บจะต้องทำ มันจะแก้ไขอะไรยากถ้าหาผิดพลาดไปแล้ว ศึกษาข้อมูลดีๆ ตัวนกเองก็ศึกษามาจากคนอื่นๆ อันไหนดี อันไหนไม่ดี แล้วค่อยตัดสินใจ เพราะฉะนั้นอยากสวยอย่าเร่งรัดค่ะ”

 
6 มี.ค. 55 เวลา 22:36 29,216 34 430
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...