ผมฆ่าเธอกับมือ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจเข้าไปปล้นฆ่า จะเข้าไปขโมยของในร้านขายมอเตอร์ไซค์ที่ผมเคยเข้าไปขโมยก่อนหน้านี้แล้วถูกจับได้ เลยจะเข้าไปขโมยเพื่อล้างแค้น แต่บังเอิญว่าร้านแว่นท็อปเจริญตั้งอยู่ติดกับร้านมอเตอร์ไซค์ เลยปีนทะลุเข้าไปข้างใน เจอเหยื่อพอดีเลยเกิดสู้กัน จึงใช้เหล็กหวดผู้ตายก่อนหลบหนีไปจนมุมในภายหลัง

คือคำสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน ของไอ้โอ๋ หรือนายโอ๋ จิตตรง คนร้ายที่ลงมือฆ่าชิงทรัพย์ น.ส.สกุลวลี ดีมาก หรือน้องหว้า พนักงานร้านแว่นท็อปเจริญเมืองเชียงใหม่ ตายอย่างสยดสยอง

คดีนี้คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยม ใช้เหล็กฟาดหัวเหยื่อซึ่งเป็นผู้หญิงไม่มีทางสู้ ก่อนจะปลดเอาทรัพย์สินเป็นสร้อย ทองและเงินสดหลบหนีไปในตอนหลัง

แต่หนีไปได้ไม่กี่วันก็จนมุมตำรวจ!!?

 

ศพของสกุลวลี โผล่ฟ้องขอความเป็นธรรมตอนสายวันที่ 20 ก.พ. ที่ร้านแว่นตาท็อปเจริญ ตั้งอยู่เลขที่ 47/7-8 ถ.โชตนา ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ คลาคล่ำไปด้วยตำรวจและไทยมุง หลังมีเหตุฆ่ากัน

พ.ต.อ.พิศุทธ์ น้อยปักษา ผกก.สภ. ช้างเผือก พ.ต.ท.สามารถ บุญตันสา รองผกก.สส. พ.ต.ท.สมชาย รุ่งสีทอง รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.พุฒิ มณเฑียร สารวัตรเวร นำกำลังขึ้นไปชันสูตรพลิกศพ น.ส. สกุลวลี ซึ่งถูกฆ่าตายอยู่บนชั้น 3 ของอาคารแห่งนั้น

สกุลวลี สาววัย 25 มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 55 ม.4 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ถูกฆ่าในสภาพศพโดนทุบด้วยของแข็งเข้าที่ท้ายทอย นอนจมกองเลือดอยู่กับหมอน ตายในชุดสวมกางเกงชั้นในสีดำ เสื้อกล้ามสีชมพู พบร่องรอยต่อสู้กระจัดกระจายไปทั่วห้องนอน ส่วนในห้องน้ำพบโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องของเธอถูกทิ้งไว้ในชักโครก และพบรอยนิ้วมือและรอยเท้าของคนร้ายเหยียบย่ำไปทั่วห้อง

หน่วยพฐ.จึงเก็บรายละเอียดไว้ตรวจสอบ

ตำรวจขึ้นไปตรวจสอบบริเวณดาดฟ้า พบว่ามีพื้นที่ติดกับร้านขายรถจักรยานยนต์ที่อยู่ข้างๆ กัน โดยที่ประตูดาดฟ้ามีร่องรอยงัดแงะเข้าไป พบอุปกรณ์งัดแงะถูกทิ้งอยู่ในถังน้ำ

ส่วนในห้องน้ำชั้น 4 ของร้านยังพบพวงกุญแจรถจักรยานยนต์ของผู้ตายถูกนำมาทิ้งไว้ อีกทั้งบริเวณหน้าต่างชั้น 3 ที่เป็นห้องเก็บอะไหล่รถจักรยานยนต์ยังพบร่องรอยงัดแงะอีก 2 จุด จึงบันทึกลงสำนวนไว้พร้อมกัน

 

จากการสอบปากคำพยานในร้านแว่นท็อปเจริญ ให้การว่าปกติแล้ว สกุลวลี� จะพักอยู่ตามลำพังเพราะเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด ก่อนเกิดเหตุเพื่อนพนักงานมาทำงานแต่เข้าร้านไม่ได้ โทร. หาก็ไม่รับสาย จึงพากันปีนขึ้นไปดูก็พบว่าถูกฆ่าตาย

ขณะที่ผู้จัดการร้านขายจักรยานยนต์ ให้ข้อมูลว่าก่อนหน้านี้ที่ร้านเคยถูกคน ร้ายงัดประตูดาดฟ้ามาแล้วถึง 4 ครั้ง แอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ไปหลายอย่าง

บางทีคนร้ายอาจเป็นรายเดียวกันก็เป็นได้!!?

ตอนแรกตำรวจตั้งประเด็นไว้หลายประเด็น ทั้งเรื่องส่วนตัว ชู้สาวและฆ่าชิงทรัพย์ กระทั่งตัดทุกประเด็นออกเหลือเพียงประเด็นหลัง

ตุ๊กตาที่ตำรวจตั้งไว้คือคนร้ายจะต้องเป็นคนในพื้นที่ และอาจเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่เคยบุกร้านจยย.แห่งนี้ จึงไล่เช็กประวัติอาชญากรรมและประสานไปยังเรือนจำเชียงใหม่ เพื่อดูรายชื่อนักโทษคดีลักทรัพย์และคดียาเสพติด ที่เพิ่งปล่อยออกมาเมื่อปีกลาย ซึ่งพบว่ามีมากกว่า 300 คน โดย 1 ในจำนวนนั้น มีไอ้โอ๋ วัย 31 ปี คนร้ายที่เคยบุกขโมยของในร้านขายมอเตอร์ไซค์แห่งนี้รวมอยู่ด้วย

แถมไอ้โอ๋ ยังมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 1/77 ต.ช้างเผือกอีกด้วย

เป้าพุ่งไปที่ไอ้โอ๋ทันที

หลังเกิดเหตุ 3 วัน ผู้กำกับพิศุทธ์ นำกำลังควบคุมตัวไอ้โอ๋ได้ที่บริเวณ ปั๊มน้ำมัน ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จึงนำตัวมาสอบปากคำ

ไม่นานหมอนี่ก็ยอมเปิดปากสารภาพ

ให้การว่าเพิ่งพ้นโทษในคดีลักทรัพย์มาเมื่อเดือนธ.ค.2554 ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้มาทำงานที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว จากนั้นก็แอบเข้าไปลักทรัพย์ภายในร้านขายรถจักรยานยนต์ที่อยู่ติดกับร้านแว่นท็อปเจริญถึง 3 ครั้ง แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมตัวได้และติดคุกอยู่ระยะหนึ่ง แล้วได้รับการปล่อยตัวออกมาชั่วคราว ด้วยความแค้นใจจึงแอบย้อนกลับไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในร้านขายรถจักรยานยนต์ที่เคยก่อเหตุอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้สิ่งของมีค่า จึงแอบเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในร้านขายแว่นแทน

"พองัดประตูเข้าไปก็พบผู้ตายอยู่ในห้องพักและพยายามต่อสู้ขัดขืน จึงใช้เหล็กงัดยางที่พกมาทุบหัวล้มลงจมกองเลือด หลังจากนั้นผมรีบเอาโทรศัพท์ไปทิ้งชักโครก กลัวเหยื่อฟื้นขึ้นมาโทร.แจ้งตำรวจ แล้วย้อนกลับมาใช้หมอนกดหน้าเหยื่อจนหมดลมหายใจ พอแน่ใจว่าตายสนิทแล้วจึงปลดสร้อยทองและเงินสดในตู้บริจาค เอาทองไปขายได้เงินมา 8 พันบาทก่อนถูกจับได้" ไอ้โอ๋กล่าว

หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่นำตัวไอ้โอ๋ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ท่ามกลางเสียงตะโกนสาปแช่งของไทยมุงและชาวบ้าน

ขอให้ตายตกไปตามกัน