ขอขอบคุณภาพประกอบจาก gawker.com และ m24digital.com
หลังจากเคยมีคลิปวิดีโอหญิงชาวรัสเซียรายหนึ่งสาธิตการทำโยคะเด็กด้วยการจับแขน
จับขาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อปีก่อน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ถึงความโหดร้ายกันอย่างหนาหู ขณะที่หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่าเด็กที่หญิงรัสเซียคนนี้
จับมาเหวี่ยงนั้นเป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น แต่ล่าสุด เรื่องราวของการทำโยคะเด็กได้กลับมา
เป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อ เลน่า โฟกิน่า หญิงผู้ทำโยคะเด็ก ได้ออกมายืนยันว่า เด็กที่เธอนำ
มาทำโยคะเด็กนั้นเป็นเด็กทารกจริง ๆ และการทำโยคะเด็กที่หลายคนมองว่าโหดร้ายนั้น
จริง ๆ แล้วมันเป็นประโยชน์กับทารกมาก ๆ
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ เปิดเผยภาพสุดอึ้ง
ของ เลน่า โฟกิน่า ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกกำลังกายวัย 51 ปี ชาวรัสเซีย
ขณะกำลังทำโยคะเด็กให้กับทารกวัยเพียง 2 สัปดาห์ ด้วยวิธีการจับแขนขาเด็ก
ทารก แล้วเหวี่ยงร่างเด็กไปมารอบตัวหลายท่วงท่า เป็นการยืนยันว่าเด็กทารกที่
เธอนำมาเหวี่ยงนั้นเป็นเด็กทารกที่มีชีวิตจริง ๆ ไม่ใช่ตุ๊กตาเด็กอย่างที่หลายคน
เคยตั้งข้อสังเกตไว้แต่อย่างใด
โดยเลน่า โฟกิน่า ได้เปิดเผยว่า ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเด็กทารกเพิ่งเกิดต้อง
นอนอยู่บนเตียง กิน และร้องไห้เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเด็กทารกทุกคนนั้นควรได้รับ
การฝึกเพื่อพัฒนาร่างกายและสติปัญญาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างการทำโยคะเด็กนี้ก็
เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยได้ แม้ว่ามันอาจจะดูเป็นวิธีที่อันตรายและน่าหวาดเสียว
อยู่บ้าง แต่มันก็เป็นประโยชน์กับเด็กทารกมากและไม่อันตรายเลย แม้ว่าเด็กส่วน
ใหญ่จะร้องไห้หรืออาเจียนออกมาในตอนแรก ๆ แต่เมื่อทำบ่อย ๆ แล้วเด็กก็จะสนุกกับการ
ทำโยคะแบบนี้เอง
สำหรับการทำโยคะเด็กแบบนี้นั้น แรกเริ่มเดิมทีเป็นศาสตร์ของชนพื้นเมืองโบราณ
ในแอฟริกา และถูกนำมาพัฒนาต่อยอดให้เป็นโยคะเด็กสมัยใหม่โดยด๊อกเตอร์อิกอร์
คาโกฟสกี้ ผู้ซึ่งเป็นวิทยากรหลักในการอบรมโยคะเด็กคู่กับเธอ ซึ่งการทำโยคะเด็กนั้น
สามารถใช้กับเด็กตั้งแต่ 1 เดือนถึง 2 ขวบเลยทีเดียว จะใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้นใน
การจับแขนขาเด็กเหวี่ยงไปมา แต่จะมีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยพัฒนาเรื่องกล้ามเนื้อ
และกระดูกของเด็ก ทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีและมีสุขภาพที่ดีได้ นอกจากนี้ การทำโยคะ
เด็กยังช่วยในเรื่องสติปัญญาด้วย โดยเด็ก ๆ ที่ทำโยคะแบบนี้บ่อย ๆ จะสามารถเขียนอ่าน
ได้เร็วขึ้น พูดได้เร็วขึ้น
ส่วนเรื่องกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบนั้น เลน่ากล่าวว่า เธอเป็นผู้ศึกษาเกี่ยวกับ
เรื่องของมนุษย์ และไม่ได้ทำอะไรผิด เธอฝึกทำโยคะเด็กแบบนี้มากว่า 30 ปีแล้ว โดยเริ่ม
ทำกับลูก ๆ ทั้ง 5 คนของเธอก่อน ซึ่งเธอพบว่ามันดีมาก ก่อนจะฝึกทำโยคะเด็กจน
เชี่ยวชาญ และตอนนี้ก็เป็นวิทยากรตระเวนสาธิตการทำโยคะเด็กไปทั่วยุโรป รวมถึงอีก
หลายประเทศทั่วโลกด้วย ซึ่งก็มีพ่อแม่ที่สนใจเข้ารับการอบรมการทำโยคะเด็กจากเธอ
เป็นจำนวนมาก และเธอหวังว่าเร็ว ๆ นี้จะได้มีโอกาสสาธิตการทำโยคะเด็กกับพ่อแม่ลูก
อ่อนในประเทศอังกฤษ เพราะเธอคิดว่าในอังกฤษมีพ่อแม่ที่เปิดใจกับการทำโยคะเด็กแบบ
นี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ทั้งนี้ แม้ว่าเลน่าจะตระเวนสาธิตการทำโยคะเด็กแบบนี้มาหลายปีแล้ว แต่ตลอด
หลายปีที่ผ่านมา ก็มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ออกมาเตือนเกี่ยวกับการทำโยคะเด็ก
ว่า อาจทำให้เด็กเลือดออกในสมอง สมองบวม และเลือดออกในดวงตา หรือที่เรียกว่า
ภาวะ Shaken Baby Syndrome (SBS) ก็เป็นได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกหลาย
ท่านออกมาโต้แย้งเพื่อสนับสนุนการทำโยคะเด็กดังกล่าวว่า ภาวะ SBS นั้นเกิดขึ้นได้น้อย
มากกับกรณีการเคลื่อนไหวศีรษะเด็กแบบนี้
อย่างไรก็ดี เลน่ายืนยันว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีเด็กคนใดได้รับอันตรายจากการ
ทำโยคะเด็กเลยแม้แต่คนเดียว (แต่มีข้อแม้ว่าพ่อแม่ต้องได้รับการอบรมการทำ
โยคะเด็กอย่างถูกต้องเสียก่อน) และเธอจะตระเวนสอนการทำโยคะเด็กให้พ่อแม่
ทั่วโลกต่อไป เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้โยคะเด็กจะกลายเป็นเรื่องที่พ่อแม่หลายคน
สนใจ และกลายเป็นวิธียอดนิยมไปแล้วสำหรับพ่อแม่ในประเทศรัสเซีย
กลายเป็นประเด็นให้วิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่วโลกทีเดียว สำหรับ "คลิปโยคะเด็ก" ที่
ถูกโพสต์ในเว็บไซต์ยูทิวป์ ปรากฎให้เห็นภาพของ "ลีน่า โฟกิน่า" หญิงชาวรัสเซียคน
หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ฝึกโยคะ กำลังสาธิตการฝึกโยคะให้เด็กทารกแรกเกิดคนหนึ่ง โดยใช้มือจับ
ขา หรือแขนเด็กไว้ และเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาขึ้น ๆ ลง ๆ ดูแล้วน่าหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง
และหลังจากวีดิโอนี้ถูกเผยแพร่ไปเพียงไม่นาน ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่าง
เซ็งแซ่ โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการแกว่งเด็กทารกแรกเกิดไปมาเช่นนี้ เพราะอาจ
ทำให้เด็กเสี่ยงต่อการเป็นโรค"Shaken Baby Syndrome" ซึ่งเป็นโรคที่เกิดกับเด็ก
อายุต่ำกว่า 1 ปี อันมีสาเหตุมาจากการถูกเขย่าตัวแรง ๆ บ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตาม คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ตั้งข้อสังเกตว่า เด็กทารกที่ "ลีน่า โฟกิน่า" นำมา
สาธิตในวีดิโอเป็นตุ๊กตาเด็กมากกว่าเด็กจริง ๆ หรือไม่ แต่อย่างไรก็เสีย ก็ยังคงเป็นที่น่า
กังวลอยู่ดี หากพ่อแม่นำการแสดงโยคะตามที่เห็นในคลิปไปลอกเลียนแบบกับลูก ๆ ของ
ตัวเอง