กิจการที่คุมทิศทางเศรษฐกิจประเทศ คือ "บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)" มีหน้าที่โดยตรงเรื่องการดูแลจัดหารับผิดชอบด้าน "ความมั่นคงทางพลังงาน" ตั้งแต่ ปี 2555 เป็นต้นไป ตลอดช่วง 5-10 ปีนี้ จะต้องขับเคลื่อนงานใหญ่ตามเป้าหมาย 4 ภารกิจ คือ
ภารกิจ 1 จัดหาพลังงานภายในปี 2563 จะต้องครองส่วนแบ่งพลังงานเพิ่มเป็น 52% จากปัจจุบัน 18%
ภารกิจ 2 วางแผนใช้เงินลงทุนภายใน 5 ปีนี้กว่า 9 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ปตท. 3.6 แสนล้านบาทสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน และ ปตท.สตผ.อีก 3.6 แสนล้านบาท พัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ กับน้ำมันทั้งในและต่างประเทศและธุรกิจในเครือ 3 แสนล้านบาท
ภารกิจ 3 นำพาองค์กรภายในปี 2560 ก้าวเข้าสู่บริษัทชั้นนำของโลกติดอันดับ Global TOP 100 Enterprise หรือติดฟอร์จูน 1 ใน 100 อันดับ สร้างรายได้ปีละ 4 ล้านล้านบาทขึ้นไป จากปัจจุบันทำได้ราว 2 ล้านล้านบาท
ภารกิจ 4 พัฒนารายได้จากระหว่างธุรกิจน้ำมัน (oil) กับไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (nonoil) ให้ได้สัดส่วน 50 : 50
ทั้ง 4 ภารกิจหลักนี้ "ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำทีมผู้บริหาร 3 ซีอีโอ กับ 1 รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ร่วมกันเปิดกลยุทธ์เส้นทางสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย "เทวินทร์ วงศ์วานิช" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) "วิชัย พรกีรติวัฒน์" ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ (COO) กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ "ณัฐชาติ จารุจินดา" ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ การ (COO) กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย และ "สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์" รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร
"ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร" อธิบายว่า ช่วง 5 ปีข้างหน้าต้องทุ่มใช้เงินลงทุนมหาศาลเกือบ 1 ล้านล้านบาท (จาก ปตท. 3.6 แสนล้านบาท, ปตท.สผ. 3.6 แสนล้านบาท และกลุ่มธุรกิจในเครือ เช่น ไออาร์พีซี ปิโตรเคมีคอล อีกเกือบ 3 แสนล้านบาท ปีนี้จะใช้มากที่สุด 91,000 ล้านบาท จากนั้นจะทยอยลงเงินตามแผน (ดูกราฟประกอบ) เพื่อแลกกับเป้าหมาย "3 ความมั่นคง" คือ
ความมั่นคงที่ 1 ทางพลังงาน จะต้องหาแหล่งพลังงานสำรอง ต้องเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่ำ 34% จากปัจจุบัน 18 เป็น 52% สนองความต้องการของประเทศตอนนี้ใช้อยู่วันละ 2.071 ล้านบาร์เรล ปี 2563 จะขยายไปถึงวันละ 2.841 ล้านบาร์เรล
ความมั่นคงที่ 2 ทางเศรษฐกิจ ปตท.เข้าจดทะเบียนเป็นมหาชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปี 2544 มีรายได้เพียง 3.8 แสนล้านบาท ผ่านมา 10 ปี ปี 2554 รายได้เพิ่มเป็น 2.428 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 เท่า เป็นการแสวงหารายได้มาเองทั้งสิ้นจาก ปตท.เอง 45% และบริษัทย่อยในเครือ 55% โดยภาพรวมเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% เป็นกำลังสำคัญการขับเคลื่อนตลาดทุนเพราะมีมูลค่า ตามราคา (market capitalization) ขนาดใหญ่ 1 ใน 4 ของทั้งหมดนำส่งรายได้ให้รัฐบาลปีนี้มากถึง 461,878 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งอยู่ในผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ถึง 8%
ความมั่นคงที่ 3 ทางสิ่งแวดล้อมยั่งยืน โดยการลงทุนนำเทคโนโลยีเข้าสู่กระบวนการผลิต ลดการเกิดมลพิษให้เหลือน้อยที่สุด ควบคู่กับการสร้างกิจกรรมปรับโหมดจากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจเข้าสู่หมวดองค์ความรู้ ทำให้ชุมชนและสังคมมีการศึกษาที่ดีได้บริหารจัดการชีววิทยารอบแหล่งผลิต และสนับสนุนกิจกรรมทางสังคม โดยการจัดตั้งองค์กรดูแลมูลค่าเพิ่มเรื่องดังกล่าวเติบโตไปด้วยกัน
ดร.ไพรินทร์ยืนยันว่า นับจากนี้เป็นต้นไป ผู้บริโภคภายในประเทศควรล้มเลิกความหวังได้แล้ว ที่จะได้ใช้เชื้อเพลิงทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน เพราะราคาจะไม่มีวันลดลง มีแต่จะเพิ่ม เนื่องจากต้องนำเข้าวัตถุดิบมาผลิตมากขึ้นทุกปี
"นายเทวินทร์ วงศ์วานิช" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน ปตท. ถอดรหัสแผนการใช้เงินลงทุน มุ่งเน้น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 ลงทุนในเครือข่ายบริการ 52% แยกเป็น 2 ส่วนย่อย คือ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คือ ท่อส่งก๊าซเส้นที่ 4 และส่วนขยาย สถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติ (LNG) สถานีก๊าซเหลวธรรมชาติรถยนต์ (NGV) ส่วนที่ 2 สร้างเครือข่ายความมั่นคงทางพลังงาน 45% โดยมองหาแหล่งถ่านหิน ปาล์มน้ำมัน เรือลอยน้ำแอลเอ็นจีไฟฟ้า ส่วนที่ 3 ทำวิจัยพัฒนาและอื่น ๆ 3%
ส่วนพื้นที่เป้าหมายในการหาแหล่งพลังงานจะกระจายสัดส่วนอยู่ทั่วโลก 5 โซน คือ อยู่ในไทย 54% เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 22% อเมริกาเหนือ 15% ตะวันออกกลางและแอฟริกา 4% ออสเตรเลีย 5%
โดยจะเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกัน 4 แผน ประกอบด้วย ปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ-สร้างพลังร่วม-เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างนวัตกรรม-มุ่งความเป็นเลิศด้านการสร้างสมดุลระหว่างกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยจัดการลงทุน เมื่อสิ้นสุดปี 2563 จะต้องสัมฤทธิผลใน 4 กลุ่มธุรกิจดังนี้
กลุ่ม 1 กลุ่มธุรกิจเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติ ด้านการสำรวจและผลิต วันละ 9 แสนบาร์เรล ถ่านหิน ต้องผลิตเป็น 70 ล้านตัน ปาล์มน้ำมัน ต้องเป็นผู้นำต้นน้ำด้านเชื้อเพลิงชีวภาพ 500 kHA
กลุ่ม 2 ธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรธรรมชาติ โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ใน 3 ของเอเชีย ไฟฟ้า เป็น 1 ในเอเชีย ปิโตรเคมี สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงในเอเชีย-แปซิฟิก การกลั่น จะทำให้ครบวงจรในเอเชีย-แปซิฟิก และค้าปลีก จะขยายในอินโดจีนควบคู่การสร้างแบรนด์ระดับโลก
กลุ่ม 3 บริหารผลผลิตและความเสี่ยง จะมุ่งเป็นผู้นำการค้าระหว่างประเทศ
กลุ่ม 4 กลุ่มธุรกิจพลังงานสีเขียว จะต้องเป็นผู้นำอย่างสมบูรณ์แบบ
ตลอดปี 2554 ปตท.และบริษัทในเครือ มีกำไรสุทธิ 105,296 ล้านบาท เฉพาะ ปตท. 47,246 ล้านบาท ในเครือ 58,050 ล้านบาท จากรายได้การขายและบริการของทั้งกลุ่ม 2,428,165 ล้านบาท เฉพาะ ปตท. 2,197,555 ล้านบาท ในเครือ 230,640 ล้านบาท จ่ายปันผล 13 บาท/หุ้น