รายงานข่าวแจ้งว่า นพ.กิตติพงศ์ แซ่เจ็ง ผอ.สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย สธ. ระบุภายในงานประชุมเชิงนโยบายเรื่อง “การพัฒนาระบบบริการปรึกษาทางเลือก เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงในภาวะวิกฤติท้องไม่พร้อม” ว่า
ขณะนี้มีความคืบหน้าและมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการขึ้นทะเบียน ยายุติการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและ ยา (อย.) ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ามีความจำเป็น
ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างของการศึกษาวิจัยระบบการให้ประชาชนเข้าถึงยา โดยจะมีโรงพยาบาลนำร่องใช้ยาไมโซพรอสตอลและมิฟิพลิสโตน ภายในปีนี้ จำนวน 4 แห่ง ได้แก่
- รพ.จุฬาลงกรณ์
- รพ.รามาธิบดี
- ศิริราชพยาบาล และ
- รพ.ส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 6 จ.ขอนแก่น (รพ.แม่และเด็ก)
นพ.กิตติพงศ์ ระบุต่อว่า อยากให้มองว่าการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ ไม่ใช่วิธีการเปิดให้มีการทำแท้งเสรี แต่หากเป็นข้อเสนอทางเลือกขององค์การอนามัยโลกที่แนะนำวิธีการที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
โรคเอดส์ เตรียมตัวทำงานได้
ควบคุมการจ่ายยาให้ดี ๆ แล้วกันครับ อย่าให้ยานี้หลุดไปจำหน่ายให้กับกลุ่มพวกสก๊อยทั้งหลาย ไม่งั้นคราวหลังเด็กพวกนี้ก็ไม่กลัวการตั้งท้องแล้ว
ถ้ามองเรื่องการทำเเท้ง อาจไม่ถูกต้อง อันนั้นก็จริง
หลายท่านพูดเรื่องการป้องกันบ้าง การรักนวลสงวนตัวบ้าง
เเต่อนึ่ง อยากฝากอีกมุมมองนึงว่า เราอยู่ในสังคมของความจริง
ไมใช่สังคมอุดมคติ ที่ทุกคนมีระดับความคิด
มีความรับผิดชอบ ดีเหมือนกันหมดทุกคน
เพราะฉะนั้น ไม่มีทางหรอกครับ ที่จะสร้างความตระหนัก
ให้คนทุกคนได้ พูดจนปากจะฉีกก็เถอะ
เเละคนเหล่านั้นนี่เเหละ ที่จะทำให้เกิดปัญหา
ลองไปหาข้อมูลดูในเน็ตได้ครับ
ทุกวันนี้มีคุณเเม่วัยรุ่นปีละประมาณ1เเสนราย
ไม่น้อยเลยนะ
เเล้วคุณคิดว่า คนเหล่านี้มีความพร้อมที่จะดูเเลลูกยังไง
เเละมันก็ง่ายมากที่เด็กเหล่านี้จะโตมาเเละกลายเป็นปัญหาสังคม
ทั้งยาเสพติด อาชญากรรม
ผมเห็นมาหลายรายเเล้ว วนเป็นกงกรรมกงเกวียนกันไม่จบ
มันก็เป็นอุปสรรคในการพัฒนาสังคมโดยรวมครับ
สุดท้าย ถึงเเม้ต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
มันก็คงต้องทำเเล้วละครับ
เหมือนเป็นมะเร็งต้องตัดอวัยวะ ไม่มีใครอยากตัดหรอกครับ