เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ต.อ.วัฒนา พิมพ์อัฐ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุนักศึกษาอาชีวะใน จ.นครปฐม พยายามจะโดดตึกชั้น 6 ของวิทยาลัย จึงวิทยุสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่กำลังปฏิบัติงานในพื้นที่เดิน ทางไปตรวจสอบ จากนั้นได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ชีพโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครปฐม
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณดาดฟ้าของตึกวิทยาลัยอาชีวะดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบ น.ส.เอ (นามสมุติ) อายุ 17 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยดังกล่าว ยืนถือคัตเตอร์จ่อคอ พร้อมเรียกร้องให้นายบอย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 รุ่นพี่ที่หลงรักมาพบ และพูดคุย โดยมีพ่อแม่ เพื่อนนักศึกษา และอาจารย์พูดจาเกลี้ยกล่อม แต่ไม่เป็นผล เนื่องจาก น.ส.เอ ต้องการพูดคุยกับนายบอยเพียงคนเดียวเท่านั้น โดย น.ส.เอ ยืนยันว่า จะกระโดดลงมาถ้านายบอยไม่มาพบ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจารย์จึงประสานไปยังนายบอยให้เดินทางมาไกล่เกลี่ย
ต่อมาเวลาประมาณ 13.30 น. นายบอย เดินทางมาพูดคุย โดยหลังจากใช้เวลาเกลี้ยกล่อมกว่า 1 ชั่วโมง น.ส.เอ ไม่มีท่าทีจะยินยอมที่จะลงมา ทำให้นายบอยหน้ามืดเป็นลม เจ้าหน้าที่มูลนิธิต้องเข้าปฐมพยาบาล จากนั้น นายบอยเข้าไปเกลี้ยกล่อมพูดคุยอีกครั้ง แต่ น.ส.เอ ไม่ยอมคุยด้วยและขยับตัวไปบริเวณริมดาดฟ้า นายบอยจึงเดินเข้าไปเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง แต่ไม่เป็นผล ทำให้นายบอยเป็นลมล้มพับข้างๆ น.ส.เอ อีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตรึงกำลังคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด กระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมงท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ พล.ต.ต.เพชรัตน์ แสงไชย ผบก.ภ.จว.นครปฐม เดินทางมายังที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมสถานการณ์ จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ ชีพได้ตัดสินใจใช้ยานอนหลับฉีดเข้าไปในกระป๋องเป๊ปซี่จำนวน 2 กระป๋อง ก่อนจะส่งให้นายบอย และน.ส.เอ ดื่มโดยออกอุบายว่าเพื่อแก้กระหาย เมื่อเวลาผ่านไปสักพักยานอนหลบเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้ น.ส.เอ และนายบอย มีอการเบลอใกล้หมดสติ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ กว่า 10 นายจึงตัดสินใจเข้าชาร์จ น.ส.เอ ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
จากการสอบสวน น.ส.แก้ว (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 เพื่อนของนายบอย เล่าว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา น.ส.เอ ได้เล่นเฟซบุ๊คโดยนำรูปสาววัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่งมาลง และใช้ชื่อว่าข้าวแช่ เพื่อเข้าไปเฟซคุยกับนายบอย พร้อมแลกเบอร์ติดต่อกันมาในฐานะแฟนเป็นเวลา เกือบ 1 เดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.เอได้โทรศัพท์มาสารภาพว่า น้องข้าวแช่ในเฟซนั้นคือ น.ส.เอ เด็กรุ่นน้องปี 2 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ทำให้นายบอย รับไม่ได้ จึงได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ขอเป็นเพียงพี่น้องกัน แต่ น.ส.เอ ไม่สามารถที่จะทำใจรับได้ จึงคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการหนีออกจากบ้านไปกระโดด น้ำตาย ตอนนั้นกลุ่มเพื่อนไปตามกลับมาเรียน ต่อมาขณะที่นายบอยไปเข้าค่ายฝึกทหารรกองหนุนรักษาดินแดน (ร.ด.) ได้มีเพื่อนคนหนึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร เข้าไปในเฟซของนายบอย และพูดจาให้ความหวังรับ น.ส.เอ เป็นแฟน โดยที่นายบอยไม่ทราบมาก่อน ทำให้น้องเอเข้าใจผิด แต่เมื่อมาคุยกัน นายบอยบอกว่า ไม่ทราบเรื่อง ทำให้ น.ส.เอ เครียดพยายามที่จะโดดตึกมาแล้ว 2 ครั้ง แต่นายบอย เพื่อน และอาจารย์ช่วยเกลี้ยกล่อมลงมาได้ กระทั่งเกิดเหตุในวันนี้อีกครั้ง แต่ร้ายแรงมากกว่าทุกครั้ง เนื่องจากไม่มีใครเข้าไปเกลี้ยกล่อมได้
ขณะที่ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวดังกล่าว กล่าวว่า ทราบเรื่องของนักศึกษาคนนี้มาก่อนแล้ว เนื่องจากก่อหน้านี้อาจารย์ที่ปรึกษาได้รายงานว่า เด็กคนนี้พยายามที่จะกระโดดตึกมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ทุกครั้งสามารถเกลี้ยกล่อมได้ แต่ครั้งนี้เด็กมีอาการแข็งขึ้น ทำให้อาจารย์และเพื่อนๆ ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมทราบว่า น.ส.เอ ค่อนข้างจะมีอาการทางจิตที่รุนแรงพอสมควร จึงต้องเข้าพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการ ซึ่งได้มีคำสั่งให้ น.ส.เอ พักการเรียนไปรักษาตัวแล้ว โดยต้องดูแลอย่างใกล้ชิด