ดูเหมือนว่ามรสุมชีวิตเริ่มจะคลี่คลายแล้ว สำหรับเรื่องราวครอบครัวของ "เสก
โลโซ" หรือ เสกสรร ศุขพิมาย ที่ มีภาพหลุด ทั้งเรื่องยาเสพติด เรื่องผู้หญิง จนกลาย
เป็นกระแสฮอตข้ามปี ซึ่งหลังจากที่ เสก โลโซ เข้ารับการรักษาบำบัดยาเสพติด ตอนนี้
อาการของเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ โดย วานนี้ (20 กุมภาพันธ์) เสก โลโซ ก็ได้ควง
แขนอดีตภรรยา กานต์ วิภากร ศุขพิมาย เดินทางเข้าร่วมรายการ "ตีสิบ" และทั้ง
สองคนได้เปิดใจหมดเปลือก แจงทุกข้อสงสัยให้ผู้ชมได้รับรู้ ทั้งเรื่องยาเสพติด
ครอบครัว และผู้หญิง!!
ทั้งนี้ วิทวัส สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายการ ได้สอบถามอาการของเสก โลโซ
โดยนักร้องหนุ่มเปิดเผยว่า สภาพร่าง กายของตนในตอนนี้ดีขึ้นประมาณ 90% แล้ว
เพราะไปบำบัดมา ส่วนที่เหลืออีก 10% นั้น คงเป็นความจำที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์
เพราะยังจำชื่อคนไม่ค่อยได้ ส่วนสาเหตุของการติดยานั้น เริ่มจากเพื่อน จากการฟัง
เพลง แต่ตนก็รู้ว่า นักร้องที่เสพยานั้นต้องหมดอนาคต และจบชีวิตเพราะยาเสพติด
เสก โลโซ ยังกล่าวอีกว่า ตอนที่ตนติดยามันเหมือนมีอะไรหลอนตนตลอด คิดว่า
มีคนตาม ได้ยินเสียงอะไรก็คิดว่าโดนตามแล้ว ประกอบกับช่วงดังกล่าว บ้านตนโดนน้ำ
ท่วม ตนก็เลยเครียด อย่างไร ก็ตาม ตนต้องกราบขอโทษทางแกรมมี่ด้วย ที่ตน
กล่าวหาว่าส่งคนมาตามตน หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมหลายอย่าง ตนยอมรับว่า
ช่วงนั้นตนเมายา พอมีเรื่องอะไรตนก็โกรธไปหมด
เมื่อ พิธีกรถามถึงเรื่องผู้หญิงที่เป็นข่าวในตอนนั้น เสก โลโซ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนไป
บำบัดทุกคนก็ทิ้งตนไปหมดแล้ว ตอนนี้ตนกลับมาอยู่บ้าน ส่วนที่ตนเคยบอกออกสื่อว่า
ตนสามารถคอนโทรลตัวเองตอนเสพยาได้นั้น เป็นเรื่องที่ตนเข้าใจผิด จริง ๆ แล้ว
ตนเชื่อมั่นมากเกินไป และตนก็ไม่คิดว่าตนจะติดยาหนักขนาดนั้น ตนจึงขอให้
เพื่อน ๆ น้อง ๆ ทุกคนอย่างเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าคิดว่าเอาอยู่ และอยากให้ทุกคน ลด
ละ เลิก ให้ได้...
สำหรับเรื่องเข้ารับการบำบัดนั้น หลายคนคิดว่า ตนโดนบังคับ จริง ๆ แล้ว ตนเต็ม
ใจ เพราะตอนนั้นตนเริ่มรู้ว่า ตัวเองเอาไม่อยู่แล้ว เลยขอเข้าไปบำบัดรักษาที่ศูนย์ธัญญา
รักษ์ ตามที่อดีตภรรยา และแฟน ๆ ได้ขอร้อง ส่วนข่าวที่ว่าตนหนีออกจากโรงพยาบาลนั้น
ไม่เป็นความจริง เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า วันนั้นตนเขียนใบอนุญาตกับทางโรง
พยาบาล เพื่อไปหาลูก และอีกอย่างช่วงนั้นที่โรงพยาบาลปิดข่าวสารตนทุกอย่าง ตนไม่รู้
เลยว่าความคืบหน้าข้างนอกเป็นอย่างไร เพียงแค่อยากจะไปหาลูกเท่านั้น สำหรับขั้น
ตอนการบำบัดนั้น ก็มีการรับยา การคุยกับนักกจิตวิทยา และเข้าบำบัดกลุ่ม อีกทั้ง
ยังไดด้นอนพักผ่อนเต็มที่ และมีการออกกำลังกาย ตนก็ได้ทำตามทุกอย่าง และ
อาการเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
พิธีกรยังได้สอบถามถึงภาพต้นเหตุที่เกิดขึ้นนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร เสก โลโซ
กล่าวว่า ตนขอยอมรับผิดเอง ตนกับกานต์แยกกันอยู่ และหย่าขาดจากกันแล้ว พอตนมี
ผู้หญิงเข้ามาใหม่ บวกกับยังทะเลาะกับกานต์ อีกทั้งยังโพสต์รูปผู้หญิงคนนั้นขึ้นเฟซบุ๊ก
พอกานต์เห็นก็โกรธ แล้วก็อัพภาพที่ตนเสพยาขึ้นเฟซบุ๊กเลย
ส่วนทางด้าน "กานต์" กล่าวว่า ตอนที่มีข่าวตนยอมรับว่า โมโหเสกมาก ๆ
เพราะพอเป็นข่าวแล้ว เขากลับไม่ชี้แจงต่อสื่อ กลับโพสต์รูปผู้หญิง แล้วก็ทำ
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี ที่เรื่องนั้นส่งผลให้เขายอมรับ
การบำบัด
นอกจากนี้ พิธีกรยังถามว่า ยังรักเสกอยู่หรือไม่ กานต์ ตอบว่า ตนยังรักเสกอยู่เหมือน
เดิม และก็อยากให้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเมื่อ ก่อนอีก
พิธีกรถามต่อว่า เมื่อมีเรื่องผู้หญิงเข้ามามากมายขนาดนี้ลูก ๆ มีความเห็นว่าอย่างไร
บ้าง เสก โลโซ กล่าวว่า ปกติลูกของตนเป็นคนเงียบ ๆ เขาก็มีโลกส่วนตัวของเขา ไม่
ค่อยได้คุยอะไรกันมากเท่าไร สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตน ต้องยอมรับว่า ครอบครัว
ของตนบอบช้ำ และต้องใช้อย่างมากเพื่อเยียวยา ถึงแม้ลูกของตนจะไม่
แสดงออกอะไร แต่ตนเชื่อว่า ตอนนี้ลูก ๆ มีปมอยู่ในใจแน่นอน
เสก โลโซ กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าตนเป็นตนเหตุทุกอย่าง เมื่อก่อนที่ตนยังไม่
เสพยา ตนพาครอบครัวไปเที่ยวมากกว่า 20 ประเทศ เราไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ไปทัวร์
คอนเสิร์ตลูก ๆ ก็รออยู่หลังเวที เราผ่านอะไรด้วยกันมามาก ตนคิดว่าลูก ๆ คงเข้าใจ และ
ให้อภัยตน และอีกไม่นานตนจะกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกเหมือนเดิม ...
เสก โลโซ ยังเล่าต่อว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องที่ตนนึกขึ้นมาทีไรแล้วจะร้องไห้ทุกที
วันนั้นตนกับเสือ (ลูกชายคนโต) ขี่จักรยานเล่นกันรอบ ๆ บ้าน จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมาว่า ตน
รักเขาหรือเปล่า คือแววตาของลูกในตอนนั้นดูเหมือนสงสัย และไม่แน่ใจในความรักของ
ตน ซึ่งตนก็ตอบลูกไปว่า "ไม่มีสักวินาทีที่พ่อไม่รักเสือ" ตอนนั้นตนรู้สึกว่า มันเหมือนมี
เชือกเส้นบาง ๆ กัันความรู้สึกของตนกับเสืออยู่ แต่ ณ วันนี้ ตนจะกลับมาเริ่มต้นใหม่
เพราะหัวใจตนได้รับกำลังใจจากครอบครัว และตนก็ขอเป็นกำลังใจทุกคน ที่เดิน
เส้นทางผิดพลาดไปจนต้องไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มาเข้ารับบำบัด แล้วกลับมา
เริ่มต้นใหม่เหมือนตน ....
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก Wiphakorn Sookpimay