หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง อมาเกด้อม(Armageddon) ที่มีเนื้อเรื่องประมาณว่ากำลังมี
อุกกาบาตพุ่งเข้าชนโลก จึงมีการจัดส่งทีมกอบกู้โลกขึ้นจรวดไปลงบนอุกกาบาตเพื่อฝัง
ระเบิดลงสู่แกนของอุกกาบาตเพื่อทำลายอุกกาบาต วันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้ออกมายืนยัน
ว่าแนวคิดังกล่าวไม่ใช่สิ่งเพอฝันแต่มันสามารถนำมาปฏิบัติเพื่อกอบกู้โลกได้จริงหากเกิด
เหตุการดังกล่าวถึงแม้นาซ่า และหน่วยงานอื่นจะมีแผนที่ดาวเคราะห์น้อย อุกกาบาต และ
ดาวหางต่างๆในอวกาศ ที่พาดผ่านวงโคจรของโลก แต่มันก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิด
เรื่องไม่คาดฝันขึ้นจึงควรมีแผนฉุกเฉินเพื่อรับเมื่อหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนัก
วิทยาศาสตร์ได้ออกมากล่าวยืนยันว่า เราสามารถเป่าอุกกาบาตให้กลายเป็นผงธุลีใน
อวกาศโดยใช้ระเบิดนิวเคลียร์แต่ มันไม่เหมือนภาพยนตร์ซะทั้งทีเดียว ที่จะต้องพึ่งบริการ
จากพี่บรูซ วิลลิส(Bruce Willis) และลูกทีมขึ้นสู่อวกาศแล้วลงจอดบนอุกกาบาต ทำการ
ขุดเจาะลงสู่แกนของอุกกาบาตเพื่อฝังระเบิดนิวเคลียร์ แล้วระเบิดมันเป็นเสี่ยงๆ เนื่องจาก
ในความเป็นจริงนั้นง่ายกว่านั้นเพียงยิงจรวดหัวรบนิวเคลียร์ขึ้นไปทำลายอุกกาบาตก็ได้
แล้วจากการใช้ Cielo ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดเครื่องหนึ่งของโลก ที่ตั้งอยู่ที่
ห้องปฏิบัิติการ Los Alamos National Laboratory นักฟิสิกส์ ได้ทำการคำนวณผลกระ
ทบจากระเบิดนิวเคลียร์ ว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรกับอุกกาบาตที่กำลังพุ่งเข้าชนโลกนาย
Robert Weaver นักวิทยาศาสตร์ในหน่วย วิจัยและพัฒนา ของ Los Alamos กล่าวว่าหาก
เราตรวจพบอุกกาบาตที่พาดผ่านวงโคจรของโลกในระยะเวลาซัก 2-3 เดือน โดยแบบ
จำลองใช้อุกาบาตที่มีขนาดเท่าอุกกาบาต Itokawa ที่เป็นหินแกรนิต ที่มีขนาด ความยาว
500 เมตร กว้าง 250 เมตร จากการจำลองใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดหนึ่งเมกะตัน ยิงเข้าสู่
ด้านข้างของอุกกาบาต การจำลองแสดงให้เห็นว่าคลื่นช็อคที่เกิดขึ้นจากจุดระเบิดจะเดิน
ทางผ่านอุกกาบาตก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนอุกกาบาตแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนไม่
เป็นอันตรายต่อโลกสำหรับทีมนี้เราไม่จำเป็นต้องใช้บริการพวกเขา พวกเขามีหน้าที่อย่าง
เดียวคือนอนกินพิซซ่าดูทีวีถ่ายทดสดอยู่ที่บ้านระหว่างปฏิบัติการกอบกู้โลกโดยใช้จรวด
ติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงขึ้นไปทำลาย อุกกาบาตที่กำลังพุ่งเข้าจนโลก
หลังจากระเบิดนิวเคลียร์ทำงานอุกกาบาตก็จะกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษเหล่านี้ถึง
ผ่านเข้าสู่โลกก็จะถูกชั้นบรรยากาศเสียดสีจนลุกไหม้ไป
http://www.dailymail.co.uk