สภาความมั่นคงแห่งชาติเรียกประชุมประเมินสถานการณ์และสรุปข้อมูลด้านการข่าวกรณีเหตุระเบิดในวันนี้ ( 15 ก.พ.) ขณะที่นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ และ ยังไม่ตั้งสมมุติฐานว่า เป็นประเด็นของการก่อการร้ายจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อมูลก่อน
จากเหตุระเบิดที่กิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศ ตรวจสอบประวัติของคนร้ายโดยละเอียดแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานไปยังประเทศอิหร่านเพื่อตรวจสอบว่า ชาวอิหร่านผู้ก่อเหตุเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่ออะไรและมีเป้าหมายอย่างไร ขณะเดียวกันสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช.เรียกประชุมสรุปข้อมูลด้านการข่าวในเช้าวันนี้ และจะมีการแถลงข่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรียังระบุถึงเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นว่า ไม่ต้องการให้ด่วนสรุปว่าเป็นประเด็นก่อการร้าย โดยขอให้ตำรวจ และ หน่วยข่าวกรองได้ตรวจสอบก่อนและขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล โดยให้มั่นใจในการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ
นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้สั่งการให้ตำรวจท่องเที่ยวลงพื้นที่ย่านสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งถนนข้าวสาร และ ซอยนานา เพื่อดูแลความเรียบร้อยและความปลอดภัย และให้ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว รายงานเหตุการณ์ตรงถึงรัฐมนตรีตลอดเวลา ขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีข้อมูลของตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องรอการตรวจสอบและคำยืนยันจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อน
และจากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทำให้กระทรวงต่างประเทศของอังกฤษ ออกประกาศเตือน พลเมืองอังกฤษให้ระวังการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางนักท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี และ อุดรธานี ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย
นายชวนนท์อินทร โกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ทางกระทรวงการต่างประเทศเตรียมพร้อมชี้แจงกับสถานทูตต่างๆ ให้เร็วที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้จะกระทบต่อความเชื่อมั่น และความไว้วางใจของต่างประเทศ นักท่องเที่ยว และประชาชน
นอกจากนี้ ยังมีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้ออกประกาศบนเว็บไซต์ของสถานเอกอัครราชทูตฯ เตือนพลเมืองของทั้ง 2 ประเทศ ให้เพิ่มความระมัดระวัง ติดตามข่าวสาร และปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทย ทั้งนี้ถ้าพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รัฐของไทยที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง