ตูมสนั่นกลางกรุงเจ็บอื้อ
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พงส. (สบ3) สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุระเบิดหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ตั้งอยู่ระหว่างซอยปรีดีพนมยงค์ 33-35 ถนนปรีดีพนมยงค์ (ถ.สุขุมวิท 71) แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
ที่เกิดเหตุอยู่หน้าโรงเรียน พบกระจกตู้โทรศัพท์สาธารณะแตกเสียหาย เศษกระจกเกลื่อนถนน พบกระเดื่องระเบิด 1 อันตกอยู่หน้าโรงเรียน เป็นระเบิดชนิดขว้างลูกเกลี้ยง ไม่พบมีใช้ในประเทศไทย อีกทั้งที่ร้านร้านพิซซ่าตรงข้ามโรงเรียน มีกระจกแตก 1 บาน ใกล้กันพบรถสายตรวจของ สน.คลองตัน ทะเบียน ชพ 2039 กทม. กระจกหน้าแตก นอกจากนี้ ยังมี รถกระบะยี่ห้อโยโยต้า รุ่นไฮลักซ์วีโก้ สีเทา ทะเบียน ถม 9376 กทม และรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ปย 7231 กทม. กระจกแตก
สยองมือบึ้มอิหร่านขาขาด
เจ้าหน้าที่พบผู้บาดเจ็บสาหัส เป็นชายชาวต่างชาติผิวขาว คาดว่าเป็นชาวอิหร่าน สวมเสื้อแจ๊กเกตสีดำ ขาขาดทั้ง 2 ข้าง นอนร้องโอดโอยอยู่บนฟุตปาธข้างตู้โทรศัพท์หน้าโรงเรียน เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยเหลือและนำส่ง ร.พ.จุฬาลงกรณ์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีเหตุระเบิดบริเวณภายในซอยเอกมัย 12 จึงไปตรวจสอบพบเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เลขที่ 66 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. สภาพบ้านชั้นบนได้รับความเสียหายยับเยิน ส่วนชั้นล่างกระจกแตกเสียหาย
นอกจากนี้ ยังทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย ทราบชื่อคือ นายสัญชัย บุญสูงเนิน อายุ 32 ปี คนขับแท็กซี่ สีแดง ทะเบียน ทร 1419 กทม นายกังวาล หอปราสาททอง อายุ 38 ปี นางจุฑาทิพย์ สัจจะดำรงค์ อายุ 62 ปี และนายอภิชาติ คำลือ อายุ 32 ปี รปภ.โรงเรียนเกษมพิทยา ทั้งหมดถูกนำส่งร.พ.กล้วยน้ำไท 1
จะปาใส่ตร.แต่พลาดท่า
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ สายตรวจสน.คลองตัน รับแจ้งว่า มีคนร้ายก่อเหตุระเบิดที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 จึงรุดมาตรวจสอบ เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา พบชายต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติผิวขาว ยืนอยู่ท่าทางมีพิรุธ จึงจอดรถพยายามเข้าตรวจสอบ จังหวะนั้นชายคนดังกล่าวควักวัตถุคล้ายระเบิดออกมาจากกระเป๋าสะพาย แต่ล่วงหล่นบนพื้นทำให้เกิดระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้ผู้ก่อเหตุบาดเจ็บ ทราบชื่อต่อมานายซาอิด โมราติ ขาขาด 2 ข้าง
นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้กระจกตู้โทรศัพท์ และรถที่ผ่านไปมา รวมทั้งกระจกร้านพิซซ่าแตก และพบชิ้นส่วนขาของผู้ก่อเหตุกระเด็นเข้าไปในโรงเรียน 1 ข้าง สภาพแหลกละเอียด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นถนนปรีดีพนมยงค์ทั้งเส้น เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุระเบิดซ้ำซ้อน ก่อนให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
แฉเช่าบ้านประกอบระเบิด
จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 พบแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทร 1419 กทม ด้านหน้ารถพังยับเยิน มีหลุมขนาดกว้าง 60 ซ.ม. ลึก 20-30 ซ.ม. ก่อนเข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดระเบิดพบว่าสภาพบ้านชั้น 2 พังเสียหาย และชั้นล่างกระจกแตกละเอียด เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในตัวบ้าน พบกระเป๋าสีดำใบใหญ่ 1 ใบ ใช้เชือกลากออกมานอกตัวบ้าน เมื่อเปิดดูพบเป็นระเบิดซีโฟร์ น้ำหนัก 2 ปอนด์ 2 ลูก สภาพต่อชนวนครบพร้อมทำงาน
จากการสอบสวน น.ส.ดา คลองด่าน อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ตรงข้ามกับหลังดังกล่าว กล่าวว่า มีชาวต่างชาติเข้าออกเป็นประจำ เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน และมาเช่าบ้านได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว คนที่อยู่ในบ้านจะออกจากบ้านในเวลา 10.00 น. หรือไม่ก็ 13.00 น. ของทุกวัน และจะออกไปประมาณ 30 นาที จึงเข้ามา
คาดบึ้มในบ้านก่อนบานปลาย
น.ส.ดาให้การต่อว่า ขณะอยู่ในบ้านได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง จึงออกไปดู เห็นชายชาวต่างชาติผิวขาว 2 คน คนแรกสวมเสื้อสีขาว กางเกงขา 3 ส่วน และอีกคนสวมเสื้อสีฟ้า กางเกงยีนส์ขายาว สะพายกระเป๋าใบใหญ่ 1 ใบ ออกมาอย่างเร่งรีบ และขึ้นแท็กซี่สีเขียวเหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน หลบหนีไป จากนั้นประมาณ 5 นาที มีชายชาวต่างชาติผิวขาว เดินออกมาสะพายกระเป๋า ในมือถือกล่อง 2 ใบ ใบหน้ามีบาดแผล เลือดไหลนอง พยายามเรียกรถแท็กซี่สีแดง ทะเบียน ทร 1419 กทม แต่แท็กซี่ไม่กล้าจอด เพราะเห็นชายคนดังกล่าวมีบาดแผล จากนั้นชายคนดังกล่าวควักระเบิดปาใส่รถแท็กซี่ ก่อนระเบิดขึ้น จนคนขับบาดเจ็บ และแรงระเบิดยังส่งผลให้ มีผู้บาดเจ็บอีก 2 คน คือ นายกังวาล และ นางจุฑาทิพย์ ได้รับบาดเจ็บหูอื้อ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็รีบเดินออกมาจากซอย
‘ปานศิริ’สงสัยมีสาวไทยด้วย-ไม่โยงแก๊งอาทริส
ต่อมา พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พร้อมด้วยชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด รุดมาที่เกิดเหตุและตรวจสอบอย่างละเอียด รวมทั้งบ้านที่ผู้ต้องหาเช่าต้องสงสัย โดย พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะมีระเบิดอีก ไม่สามารถบอกได้ว่ามีกี่ลูก ส่วนระเบิดที่ผู้ก่อเหตุใช้กำลังตรวจสอบอยู่ เบื้องต้นพบกระเดื่องระเบิด จากการตรวจสอบภายในบ้านพบหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาขาขาด เป็นชาวอิหร่าน พบว่าเดินทางจาก จ.ภูเก็ต มาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ วันที่ 8 ก.พ.
รองผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนที่คาดการณ์กันว่าจะเชื่อมโยง นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาชาวเลบานอน สมาชิกกลุ่มฮิซบัลเลาะห์ที่ถูกจับกุมข้อหามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ เบื้องต้นกลุ่มของนายอาทริสไม่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่มชาวอิหร่าน อาจจะต้องตรวจสอบต่อไปอีกครั้งว่าเชื่อมโยงต่อไปหรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนอยู่ระหว่างการดำเนินการจับกุม จะเป็นผู้ก่อการร้ายหรือไม่นั้น ตอนนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ อาจจะมีหญิงชาวไทยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ตร.ลำดับเหตุบึ้มลูกที่1-3
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รรท.รองผบช.น. กล่าวว่าจากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่าคนร้ายเป็นชาวอิหร่าน ชื่อนายซาอิบ โมราติ อายุประมาณ 50 ปี พร้อมเพื่อนอีก 2 คนมาเช่าบ้านเลขที่ 66 ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กทม. โดยพยานให้การว่าได้ยินเสียงระเบิดดัง 1 หน หลังจากนั้นเห็นชาย 2 คนเดินออกมาจากบ้าน ตามด้วยชาวต่างชาติอีกคนที่มีอาการบาดเจ็บ สะพายเป้ออกมาด้วย ก่อนที่ชายชาวอิหร่านที่บาดเจ็บเรียกรถแท็กซี่ ทะเบียน ทร 1914 กทม. แต่แท็กซี่ไม่จอดรับ จึงขว้างระเบิดใส่แท็กซี่จนคนขับได้รับบาดเจ็บ
รรท.รองผบช.น.กล่าวว่า หลังจากนั้นคนร้ายเดินต่อไปบริเวณปากซอยสุขุมวิท 71 ระหว่างซอยปรีดีพนมยงค์ 31-34 เยื้องกับโรงเรียนเกษมพิทยา จนกระทั่งพบตำรวจสายตรวจ สน.คลองตัน จึงพยายามขว้างระเบิดใส่ แต่พลาดระเบิดตกใกล้กับตัวเองก่อนระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายขาด ขาขวาหัก เจ้าหน้าที่นำส่งร.พ.จุฬาลงกรณ์ และอายัดตัวไว้ดำเนินคดีแล้ว สำหรับสาเหตุยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติหรือไม่ ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์ระเบิด หรืออีโอดี กำลังตรวจสอบว่าเป็นระเบิดชนิดใด
ตามล่าอีก2ชายชาวอิหร่าน
ส่วนพ.ต.อ.ปรีดา สถาวร โฆษกบช.น. กล่าวว่าผู้ก่อเหตุรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.จุฬาฯ ส่วนเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และเคลียร์พื้นที่ทั้งหมด เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ไปยังพื้นที่อื่นๆ ให้ช่วยตรวจสอบชายชาวอิหร่านอีก 2 คน นั่งรถแท็กซี่สีเขียวเหลืองไม่ทราบทะเบียน หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ และในชั้นนี้ยังไม่พบว่าเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายหรือไม่ และยังไม่สามารถยืนยันถึงสาเหตุได้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
‘ปู’ต่อสาย‘เหลิม’สอบให้ชัด
ที่ จ.นครสวรรค์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังตรวจเยี่ยมบึงบอระเพ็ดเสร็จ ถึงเหตุระเบิดว่า ไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน จะติดตามข้อมูลตลอดเวลา แต่ขณะนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะเสียรูปคดี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบและประชุมกันอยู่ โดยในวันที่ 15 ก.พ. จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น และจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง เมื่อถามถึงกรณีทางการอิสราเอลเคยแจ้งเตือนมาก่อนหน้านี้ว่า จะเกิดเหตุการก่อการร้ายจนถึงวันที่ 12 ก.พ.นั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ อย่าให้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ล่าสุดจับตัวคนร้ายได้แล้ว 1 คน
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ สั่งการให้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลัง ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดที่ร.พ. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายกฯ ให้ความสนใจ และโทรศัพท์ติดต่อกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ รวมทั้ง หน่วยข่าวกรอง และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อให้ติดตามและตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยด่วน โดยนายกฯ ระบุว่าหากมีอะไรให้แจ้งโดยตรงได้
จับร่วมแก๊งได้อีกคนคาสุวรรณภูมิ
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางชุดสืบสวน บช.น.ได้ส่งรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายกับเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสถานที่ต่างๆ ไว้แล้ว เพื่อสกัดจับคนร้าย โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน เป็นชาวอิหร่าน ชื่อ นายฮัสซาอี โมฮัมบี อายุ 42 ปี ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะจะขึ้นเครื่องออกนอกประเทศไทย
บัวแก้วเตรียมชี้แจงนานาชาติ
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุระเบิดว่า ขณะนี้รอตรวจสอบข้อมูลที่ชัดเจนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะการชี้แจงต้องอยู่บนฐานข้อมูลที่ตรวจสอบแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เมื่อถามว่าต้องทำหนังสือชี้แจงเหตุการณ์ไปยังสถานทูตต่างๆ ประจำประเทศไทยหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า พร้อมชี้แจง แต่ต้องประสานข้อมูลก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้รับการประสานให้ตรวจสอบข้อมูลชาวอิหร่านที่ก่อเหตุหรือไม่นายสีหศักดิ์กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานคาดว่าในวันที่ 15 ก.พ. จะได้รับการประสานมา แต่ต้องประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย และเมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐอาจกลับมาออกประกาศแจ้งเตือนการก่อการร้ายในไทยอีก นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เชื่อว่าทางสหรัฐจะติดตามการชี้แจงของฝ่ายเราอยู่ หากประสานงานมาก็พร้อมให้ข้อมูล
ต่างชาติหวนแห่เตือนก่อการร้ายไทย
ค่ำวันเดียวกัน เว็บไซต์สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ปรับปรุงประกาศ "คำแนะนำได้ในการเดินทาง" สืบเนื่องจากเหตุระเบิด 3 จุด ที่ซอยสุขุมวิท 71 โดยแนะนำให้ชาวอังกฤษที่จะเดินทางมายังไทย ควรใช้ความระมัดระวัง ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการไทย
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า สถานเอกอัครราชทูตของต่างชาติในไทยต่างปรับปรุงคำแนะนำในการเดินทางเป็นไปในลักษณะเดียวกัน ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐ และออสเตรเลีย (ข่าวสด)
ภาพ : คนร้ายชาวอิหร่าน โดนระเบิดขาขาด
ภาพ : บ้านเช่าหลังที่เกิดระเบิดจุดแรก
ภาพ : หน่วยอีโอดี สวมบอมบ์สูท เข้าเก็บกู้ระเบิดในบริเวณบ้าน
ภาพ : วงวจรปิดจับภาพคนร้ายทั้งสามคน หลังเกิดระเบิดในบ้านแล้ววิ่งหนีออกมา แยกย้ายกันไป
ภาพ : ความเสียหายจากแรงระเบิดหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา