เรื่องราวต่อจากนี้ผมได้คัดลอกมาจากเวบpalungjit
ซึ่งโพสโดยคุณ Nagaman ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
ที่ได้นำเรื่องราวน่าสนใจมาลง
และผมขออนุญาตนำเสนอมาสู่ชาวคลิปแมสแห่งนี้นะครับ
6วิธีหาเงินแบบหน้าหนา ในประวัติศาสตร์
อันดับ 6. เบลล์ กันเนส (Belle Gunnes) ฆ่าเอาประกัน
เบลล์ กันเนส (เกิด ค.ศ. 1859 ตาย ค.ศ. 1931??)
ฆาตกรสาวที่มีวิธีหาเงินแบบหน้าด้านๆ ที่ปัจจุบันมักทำกัน นั้นคือ “ฆ่าเอาประกัน” ที่มันช่างง่ายและได้เงินดีเสียด้วยสิ>>
เบลล์ กันเนส อพยพจากประเทศนอร์เวย์มาสหรัฐอเมริกาใน1881 และแต่งงานกับสามีจากนั้นก็ซื้อบ้าน แต่อยู่ไม่ถึงหนึ่งปีบ้านก็ไฟไหม้ โชคดีมันได้รับประกันภัย และเธอใช้เงินนั้นมาซื้อบ้านอีก ในปี 1898 บ้านก็โดนไฟไหม้อีกและได้เงินประกันอีก จากนั้นใน ปี 1900 บ้านเธอก็ไหม้อีก แถมคราวนี้สามีของเธอในกองเพลิงด้วย แน่นอนเบลล์ก็ได้เงินประกันอื้อเลย
จากนั้น เบลล์ ก็ใช้เงินที่จะซื้อฟาร์มใน La Porte, Indiana และต่อมาไม่นาน ในปี 1902 สามีคนที่สองก็ตายด้วยอุบัติเหตุเครื่องบดไส้กรอกหล่นใส่หัว (มันหล่นได้ไงวุ้ย) แม้จะน่าสงสัยแต่บริษัทประกันยินดีจ่ายให้เธอเป็นเงิน $3,000
จาก นั้นเบลล์ก็ประกาศหาสามีในหนังสือพิมพ์ สองปีต่อมามีชายหลายคนที่เป็นสามีหายไปในฟาร์มเธอไปหลายราย และเธอก็ได้เงินประกันจากการสามีหายซะด้วยสิ
ในตอนท้าย 28 เมษายน 1908 ผู้ คนเกิดความสงสัยม่ายสาวคนนี้ เลยบุกเข้าฟาร์มเพื่อค้นบ้าน ตำรวจที่ค้นพบร่างสี่ร่างในห้องใต้ดิน ผู้ใหญ่หนึ่ง และเด็กสาม ที่คาดว่าเป็นลูกของเธอ จากนั้นก็ค้นพบร่างอีก 12 ร่าง ที่ระบุไม่ได้เป็นใครเพราะถูกตัดหัว ส่วนตัวเบลล์นั้นเธอชิงฆ่าตัวตายก่อนโดยการเผาตนเองพร้อมบ้าน แต่ผลชันสูตรศพของเธอนั้นหลายฝ่ายไม่เชื่อว่าศพนี้เป็นของเธอ เพราะศพนั้นเตี้ยกว่าส่วนสูงของเบลล์ถึงหกฟุต ต่างกันกว่าสองนิ้ว??
เธอทำเงินมากเท่าไหร่?
คะเนได้ว่าสาวคนนี้ทำเงินไป $ 30,000 จากสามีต่างๆผู้ซึ่งได้รับดูดในโดยโฆษณาหนังสือพิมพ์ บ้านถูกไฟไหม้(ซึ่งไหม้ประจำ)เป็นครั้งละ $ 250,000
อันดับ 5. แฮร์กับเบอร์ค (Hare & Burke William) ดักฆ่าคนกลางทางแล้วเอาศพไปขายให้นักศึกษาแพทย์
แฮร์กับเบอร์ค (Hare & Burke William)
คนสองคนทำอะไรก็ได้เพื่อเงิน...ในช่วงศตวรรษ 19 อังกฤษ อยู่ในช่วงพัฒนาด้านการผ่าตัดเพื่อรักษา ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องศึกษาร่างกายให้ถี่ถ้วน โดยใช้ร่างของคนตายมาชำแหละเพื่อทำการวิจัย แต่การโดนจำกัดเรื่องกฎหมายเนื่องจากเขาอนุญาตให้ใช้ผู้ตายในคดีอาชญากรรม เท่านั้น ดังนั้นทำให้หลายคนจึงแอบใช้วิธีขุดศพที่ตายใหม่ๆ จากหลุม แล้วนำมาขายให้แพทย์ ซึ่งได้เงินเสียด้วยสิ(ประมาณ 7 ปอนด์ ต่อน้ำหนัก)
แต่ สำหรับแฮร์กับเบอร์คเขามีวิธีหาเงินง่ายกว่าขุดศพมาขายอีก ก็ฆ่าเหยื่อแล้วสวมรอยเป็นศพที่แอบขุดไง ตอนแรกทำกับคนที่บ้านเช่าของพวกเขา พอนานๆ วันก็หันมาดักฆ่าเหยื่อตามท้องถนนยามค่ำคืนในปี 1827 เอาคนที่เร่ร่อน ไม่หัวนอนปลายเท้า คนอ่อนแอ ไร้พิษสง คนแก่นี้แหละง่ายดี จากนั้นก็มาสวมรอยว่าเป็นศพที่ขุดจากสุสาน หลอกขายให้แพทย์ที่รับซื้อ เสร็จแล้วก็ได้ตังค์เข้ากระเป๋าแบบสบายอุรา
แฮร์กับเบอร์ค ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ กว่า18 เดือน มีเหยื่อที่ตายด้วยฝีมือของพวกเขา 16 คน (บางเว็บ 30 คน) และ ผลสุดท้ายก็หยุดลงเมื่อแฮร์ทรยศหักหลังเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจเพื่อ แลกกลับการอภัยโทษเขา ส่งผลให้เบอร์คถูกลงโทษประหารชีวิตเพียงคนเดียว แถมเชือกที่ใช้แขวนคอเขานั้นมันสั้นเกินไป เขาตายอย่างช้าๆ อย่างทรมาณ จากนั้นร่างกายไร้วิญญาณของเขา ถูกส่งให้นักเรียนแพทย์เพื่อใช้ชำแหละศึกษา สอดคล้องกับกฎอังกฤษในลงโทษอย่างเหน็บแนม
เขาทำเงินมากเท่าไหร่?
ใน เวลาต่อมาได้มีการค้นพบสมุดบันทึกประจำวันเกี่ยวกับโจรกรรม และรายการศพที่ลูกค้าต้องการไว้ จากการตรวจสอบพบว่า ศพที่แพงที่สุดขายให้นักศึกษาแพทย์คือ “ศพ วันที่ 1กรกฎาคม ขายได้เงิน 10 ปอนด์ โดยไม่รวมคนที่เขาฆ่าทั้งหมด 30 คนนะเนี้ย
อันดับ 4. ผลประโยชน์ของพนักงานดับเพลิง
มาร์คัส ลิซินิอัส แครซซัส (Marcus Licinius Crassus)115?-53 ก่อนคริสตกาล
ใน สมัยโรมัน มีนักการเมืองคนหนึ่งชื่อ มาร์คัส ลิซินิอัส แครซซัสได้มีไอเดียบรรเจิดที่จะสร้างหน่วยดับเพลิงแรกรุ่นแรกของโลกขึ้น โดยใช้กองทหารผสมของเขา
เรื่อง ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ แครซซัสได้สังเกตว่าสิ่งก่อสร้างในกรุงโรมเมืองหลวงของอิตาลีส่วนใหญ่ทำจาก วัสดุที่ติดไฟง่ายและอาคารก็สูงเกินไป และเมื่อไฟติดเมื่อใดละก็นับลองไฟลามทั่วกรุงโรมแน่ๆ ดังนั้นจึง แครซซัส จึงซื้อทาสมา 500 คน และรวมกับทหารเป็นหน่วยดับเพลิง
แต่พอถึงเวลาไฟไหม้กรุงโรมจริง แครซซัส กลับไม่ยอมให้ทหารมาดับไฟ ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องมีเงินค่าดับไฟมาจ่ายก่อน (ต่อรองในขณะที่ไฟไหม้ทั่วกรุงโรม)
"ดับในอาคารที่กำลังไหม้ไฟต้องจ่าย 30 Talents (ค่าเงินของโรมัน)
"ดับไฟที่ดาดฟ้าต้องจ่าย 72 Talents!"
"20 Talents ถ้าไฟมันไหม้ติดเพื่อนบ้าน(โดนจ่ายแน่นอนเพราะบ้านของโรมันอยู่ติดกัน)"
"ถ้าจะให้วิ่งต้องเงินเพิ่ม10 Talents "
แน่ นอนประชาชนจำเป็นเองจ่ายเงินตามที่พวกแครซซัสเสนอ และพวกเขายังหาเงินหน้าด้านแบบนี้หลายปี จนกระทั้งพวกลูกหนี้ทนไม่ไหวเลยไปเจรจากับ แครซซัส หัวหน้านักดำเพลิงดู จนสุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ พวกลูกหนี้เลยจัดการ แครซซัสด้วยวิธีสุดลึกล้ำด้วยการมัด และทรมาน แล้วจับกรอกปากด้วยทองคำหลอมละลายซึ่งทำให้เขาตายอย่างทรมาน
เขาทำเงินมากเท่าไหร่?
แครซซัสสะสมเงินที่ได้จากการต่อรองเรื่องดับไฟเท่ากับรายได้ประจำปีของคลังโรมัน เป็นจำนวนเงินกว่า 7,100 หรือ 200 ล้านดอลลาร์ปัจจุบัน
อันดับ 3. ทำให้ตนเองพิการแล้วเอาเงินประกัน
ผู้คนใน เเวนอล ฟลอริดา
ผมว่ามันโครตลงทุนเลยนะเนี้ย
ที่ townsfolk ของ เเวนนอล มีคดีที่แสนปวดหัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างมาก เมื่อประชาชนพร้อมใจกันที่จะเสียแขนขาตัวเองเพื่อได้รับเงินประกันภัยตามที่ ตกลงกันไว้กว่า โดยมีคดีเกิดขึ้นในเมืองนี้กว่า 50 รายในเเวนอล (ประชากร 780 ของพื้นที่).
L.W Burdeshaw ตัวแทนบริษัทประกันภัยบอกว่า ในช่วง ค.ศ. 1982 มี ลูกค้าหลายรายยอมเสียแขนขาเพื่อเอาเงินประกัน บางคนยอมเอาเลื่อยเลื่อยแขนซ้ายของเขาโดยอ้างว่าได้รับอุบัติเหตุขณะทำงาน บางคนสูญเสียมือสองข้างโดนอ้างว่ายิงเหยี่ยวพลาด(น่าเชื่อเนอะ)และ บางคนใช้วิธีการตัดแขนตัดขาของเขาได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ปืนยาว หรือ เครื่องแทร็กเตอร์ ถือได้ว่าเป็นความพยายามจริงๆ มากกว่าหน้าด้านนะเนี้ย
เขาทำมากเท่าไหร่?
ในเมืองนี้ไม่มีใครเลยที่ถูกว่ากระทำผิดฐานโกงเงินประกัน ซึ่ง 38 บริษัท ยินยอมจ่ายเงินให้คนเหล่านี้ โดยไม่สงสัยว่ามันช่างเป็นอุบัติเหตุตลกแต่อย่างใด ในเมื่อเอ็งกล้าทำก็กล้าจ่ายละฟ่ะ แต่ถึงแม้จะมีการฟ้องร้องก็ยากจะให้ลูกขุนเชื่อว่าพวกเขายอมเสี่ยงยอมกล้า ที่จะตัดแขนขาเพื่อเอาเงินประกัน
อันดับ 2 เอซ. เอซ โฮล์ม
เอซ. เอซ โฮล์ม (H.H Holmes)
เมื่อหมอบวกกับวิปริตก็กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ
H.H Holmes เป็นหมอที่จบจากมหาวิทยาลัยของมิชิแกน ใน1884 เขาเป็นผู้ชายน่ารัก, หล่อ, เป็น มิตร และน่าหลงไหล เขาเคลื่อนย้ายสู่เมืองชิคาโก ทำงานในเภสัชศาสตร์ถ้าคุณเป็นผู้ชายนิสัยดีคงหยุดแต่เพียงแค่นี้ แต่ หมอโฮล์มแค่นี้หรอก
ปี 1888 หมอ โฮล์มทำการฆาตกรรมเจ้านายของเขา และฮุบร้านของเจ้านายเพื่อเป็นใบเบิกทางการหาเงิน เขากว้านซื้อพื้นที่รอบๆ นั้นเพื่อทำโรงแรมขนาดใหญ่ โรงแรมที่คุณเข้าไปแล้วไม่สามารถกลับออกไปได้ตลอดกาล
หมอโฮล์มจะต้อนรับแขกของเขาอย่างคุ้มค่าด้วยความตาย ฆ่าโดยการทำให้หายใจไม่ออกอย่างช้าๆ ในโรงแรมที่แสนสนุกมีทั้ง หอลับ, ประตูลับ, การลื่นไหลกำแพง, ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ซ่อนเร้น ห้องทรมาน ในห้องใต้ดินหมอโฮล์มยังมีเครื่องยืดร่างมนุษย์ที่แสนสนุก
แต่ผู้คนจำนวนมากมายต้องเสียชีวิตลง เพื่อที่หมอจะเอากระดูกเหยื่อไปขาย และข้าวของเครื่องใช้เป็นของตนเอง
หลังจาก 1893 โรงแรมก็ขาดแคลนแขก หมอ โฮล์มและผู้ช่วยเขาร่วมมือกัน ต้มตุ๋น และทำการฆ่าผู้ช่วยเขาด้วยการเผาอำพรางเพื่อเรียกร้องเงินประกัน และฆ่าเด็กสามคนซึ่งเป็นลูกของผู้ช่วยตาย ก่อนที่จะโดนจับและได้รับโทษประหาร
ทำเขาทำมากเท่าไหร่?
มัน ยากเหลือเกินที่จะเดาว่าหมอโฮล์มได้เงินกี่บาทในการการฆ่าคน เพราะเหยื่อเขามีมากเหลือเกินที่เสียชีวิตในโรงแรมเขา และน่ากลัวเหลือเกินที่หมอโฮล์มเลือกที่จะเก็บความลับผลประโยชน์ทั้งหมดจน กระทั้งเรื่องทั้งหมดจบลงพร้อมกับการตายของเขา แต่ในกรณีคดีฆ่าผู้ช่วยเขาหมอโฮล์มสารภาพว่าเขาได้เงินจากการประกัน $10,000
1. คูหามรณะ
ด็อกเตอร์มาร์เซล ปดิต (Dr Marcel Petiot) 1897 – 1946
ใครว่าสงครามมีแต่สูญเสีย แต่สำหรับคนบางคนแล้วมันมีแต่ได้กับได้
มกราคม1942 เมื่อ นาซีครอบครองฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มันเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์โดยด็อกเตอร์มาร์เซล ปดิต Marcel Petiot หมอซึ่งย้ายสู่ชื่อเมืองหลวงของฝรั่งเศส หมดที่ตั้งใจ๊ตั้งใจมาเพื่อรักษาและพยาบาลจิตใจชาวฝรั่งเศสโดยเฉพาะ(จริงๆ นะ)
ขอบคุณประสบการณ์หมอมาร์เซล เขาทำตามที่เขาตั้งใจจริงๆ แหละ นั้นคือเขาขายยาเสพย์ติด และทำแท้งเถื่อน....................ซึ่งในสงครามโลก2 ลูกค้าเยอะมากๆ
แต่หมอมาร์เซลไม่หยุดแค่นั้นหรอก เพราะเขาเห็นโอกาสของเขาที่จะทำให้เงินสดพิเศษจำนวนหนึ่งบนด้าน
เรื่อง ของเรื่องคือชาวยิวต้องการหนีตายจากพวกนาซี แต่จะหนีไปไหนได้ละนาซีเต็มประเทศไปหมด นั้นเองที่ทำให้หมอมาร์เซลมาเสนอว่าเขาสามารถช่วยชาวยิวลี้ภัยหลบหนีจาก ประเทศได้ แต่ต้องมีค่าธรรมเนียมหน่อยนะสัก 25,000 เหรียญเงินตราของฝรั่งเศสต่อหนึ่งบุคคล
ลูกค้า ชาวยิวจำเป็นต้องจ่ายเพราะชีวิตสำคัญกว่าเงิน แล้วหมอมาร์เซลก็บอกว่าให้พวกเขาเอาทรัพย์สินข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดมาที่ บ้านหลังใหญ่เขานะ เดี๋ยวเขาจะพาหนีไปต่างประเทศ
คุณอาจจะต้องการเพื่อหยุดการอ่านตอนนี้ ถ้าคุณเชื่อว่าเมื่อลูกค้าที่มาถึงบ้านของหมอมาร์เซล คงหนีไปประเทศอาร์เจนตินาเรียบร้อย(หมอมาร์เซลอ้างว่าเป็นจุดหมายปลายทาง) แต่ก่อนหนีคนไข้ของเขาต้องปลูกฝีฉีดยาก่อน และ...................
6 มีนาคม 1944 (นาซีโดนไล่ออกจากฝรั่งเศส) ตำรวจ บุกบ้านของหมอมาร์เซลเขาพบกับเผาไหม้ จากนั้นก็พบกองปูนขาวที่ยังไม่ผสมน้ำมากมาย โดยในนั้นมีส่วนของร่างมนุษย์ ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ และศพต่างๆไม่สามารถประกอบร่างคนๆได้ ตำรวจยังค้นพบห้องใต้ดินขนาดใหญ่ที่มากมายพอสำหรับเก็บซ่อนศพ มีเตาสำหรับทำลายศพไร้หัว, และอวัยวะของศพมากมาย
หมอมาร์เซลที่ถูกการจับกุมต่อมา ถูกประหารตัดหัว
ทำเขาทำมากเท่าไหร่?
หมอมาร์เซลโกยเงินโดยไม่นับเฉพาะค่าธรรมเนียมใหญ่โตของเขา แค่ของมีค่าที่ติดตัวจากผู้ลี้ภัยชาวยิวก็ประมาณค่าไม่ได้แล้ว แต่ถ้าให้ตีเป็นเงินละก็ประมาณ 200 ล้านชื่อเหรียญเงินตราของฝรั่งเศส
ตอน ที่หมอมาร์เซลทำการฆาตกรรมนาซีก็รู้เห็นนะแล้วแจ้งโดยตรงจากอาณาจักรไรต์ที่ สามของฮิตเลอร์ด้วย แต่ฮิตเลอร์ชอบใจเพราะหมอช่วยฆ่าชาวยิวให้แถมยังให้โชคแก่เขาอีก โดยให้เหรียญตรากล้าหาญให้หมออีกด้วยนะจะบอกให้(ถ้าเอาเหรียญนาซีนี้ไปประมูลขายคนบ้าสะสมในปัจจุบันนี้ละก็นับรองรวยล้นฟ้า)
ก็เพราะความไม่รู้จักพอของคน ที่ทำให้เปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นปีศาจ
ตายไปสุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้ แถมท้ายยังทำ "ชื่อเสีย" ทิ้งไว้เป็นประวัติศาสตร์อีก
Next Scoop
10สัตว์ที่ตัวเล็กที่สุดในโลก
>>>คลิกที่นี่<<<