มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยผลโพลสุดอึ้งชายไทย 1 ใน 3 ระบุผู้หญิงพิสูจน์รักจริงต้องยอมมีเซ็กซ์ในวันวาเลนไทน์ สุดแมนเชื่อผู้ชายตัวจริงต้องกินเหล้าเคล้านารี ชี้มีสิทธิหึงหวงแฟน หรือภรรยา ไม่ให้ออกนอกบ้านและคุยกับผู้อื่น..
เมื่อ วันที่ 10 ก.พ. ที่โรงแรมเอเชีย นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยระหว่างร่วมเสวนา “บทเรียนชีวิต... เมื่อความรุนแรงซ่อน แฝงในความรัก” เนื่องในโอกาสวันวาเลนไทน์ ว่า ทางมูลนิธิได้รวบรวมผลสำรวจ “ทัศนคติผู้ชายกับความรุนแรงที่ซ่อนแฝงในความรัก” ในกลุ่มตัวอย่างเพศชายอายุ 12-35 ปี จำนวน 1,000 ราย แบ่งเป็นสถานภาพโสด 56.8% มีแฟนแล้วแต่ยังไม่ได้สมรส 24.7% แต่งงานแล้ว 15.6% และหย่าร้าง 2.9% พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า กลุ่มตัวอย่างมากกว่า 43.3% ระบุว่าผู้ชายมีสิทธิหึงหวงไม่ให้แฟน หรือภรรยาออกนอกบ้าน หรือคุยกับผู้อื่น และอีกกว่า 31% ระบุว่า “ผมมีคนอื่นได้ แต่คุณห้ามมีคนอื่น”
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่าง 36.1% หรือ 1 ใน 3 ยังเชื่อว่าผู้หญิงต้องแสดงออกถึงความรักด้วยการยอมมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ 23.5% มองว่าเป็นโอกาสดีที่จะแสดงความรักด้วยการยอมมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ ผลสำรวจยังพบประเด็นมีผู้ชายอีก 21.3% ที่เชื่อว่าลูกผู้ชายตัวจริงต้องกินเหล้าเคล้านารี ทั้งนี้ กว่า 36.5% ที่มองว่าการดื่มในวันวาเลนไทน์กระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามผลสำรวจครั้งนี้ยังมีมิติด้านดีที่พบผู้ชายถึง 82.4% ไม่นิยมความรุนแรง มองว่าการทำร้ายร่างกายคนที่รักเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและผิดกฎหมาย
นาย จะเด็จ ยังกล่าวอีกว่า วัยรุ่นสมัยนี้ยังมีค่านิยมเรื่องความรักว่าต้องมีเพศสัมพันธ์ บางคนถึงขั้นมีการพนันในกลุ่มเพื่อนว่าสามารถมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น คนนี้ได้หรือไม่ หรือมองความรักคือการพาเข้าโรงแรม ซึ่งเป็นวิธีคิดที่เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข โดยการปรับเปลี่ยนทัศนคติผู้ชายว่า อย่ามองความรักเป็นไปในทางฉวยโอกาส หรือการแสดงความเป็นเจ้าของความหึงหวง แต่ต้องมองความรักที่ต้องซื่อสัตย์ ไม่ทำร้ายครอบครัว หรือคนรักมีความเสียสละแบ่งปัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ขณะเดียวกันก็ต้องสอนทักษะชีวิตให้ผู้หญิงรู้จักปฏิเสธ รวมถึงการสอนเพศศึกษาต้องทำเป็นนโยบายอย่างจริงจัง
อย่าง ไรก็ตาม การแก้ปัญหาโดยตามไปห้ามไปเฝ้าควบคุมเยาวชน ตรวจดูตามโรงแรมม่านรูด การสั่งเคอร์ฟิวห้ามเยาวชนออกจากบ้าน เป็นการตามแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ทางแก้ปัญหาที่ดีคือ การรณรงค์ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติ ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และสังคม
ข้อมูลจาก
http://www.thairath.co.th