หลังจากจบหนังชุดพ่อมดน้อย แฮรี่ พอตเตอร์ ที่ยาวนานมาถึง 8 ภาคนั้น พ่อหนุ่มน้อย แฮรี่ ของเราอย่าง แดเนียล แรดคลิฟ ก็จะมีคิวว่างเพื่อเล่นหนังเรื่องอื่นแบบจริงๆจังๆสักที โดยหนังสยองขวัญจากผู้กำกับ เจมส์ วาร์ดกินส์ นี้ก็จะเป็นเรื่องแรกของเขาหลังจากจบมาจากโรงเรียนเวทมนตร์ ฮอกวอร์ด เลยก็ว่าได้
เมื่อทนายหนุ่ม อาเธอร์ คิปส์ (แดเนียล แร็ดคลิฟฟ์) เดินทางจากลอนดอนมายังหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อจัดการแบ่งทรัพย์สินให้กับเจ้าของคฤหาสน์ อีล มาร์ช เขาก็ต้องค้นพบความลับอันน่าสะพรึงกลัว และโศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เมื่อพบว่ามีเด็กจำนวนมากเสียชีวิตอย่างปริศนา และความน่ากลัวก็คืบคลานเข้ามา เมื่อเขาถูกผู้หญิงปริศนาในชุดดำตามหลอกหลอน คิปส์ ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อไขปริศนา และหยุดยั้งวงจรแห่งความสยองนี้ให้ได้ ก่อนที่เด็กๆทั้งหมู่บ้านนั้นจะต้องตกเป็นเหยื่อของอาถรรพ์ผีผู้หญิงในชุดดำนี้ และรวมไปถึงชีวิตของตัวเขาและลูกๆที่ลอนดอนด้วยเช่นเดียวกันหละครับ
The Woman In Black เป็นผลงานเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ เจมส์ วาร์ดกินส์ ที่หลังจากในเรื่องแรกอย่าง Eden Lake หนังสยองขวัญริมทะเลสาบ ที่สร้างชื่อให้เขาไปมากมายก่ายกอง โดยในปีนี้เขาก็ได้กลับมาแล้วพร้อมกับงานแนวถนัดอย่างหนังทริลเลอร์ สยองขวัญ เช่นเคย โดยคราวนี้ก็ยังหยิบเอาเรื่องราวของอาถรรพ์ผีๆสางๆ ในบ้านผีสิงมาเล่นอยู่เช่นเคย โดยมีดาราแม่เหล็กอย่าง แดเนียล แร็ดคลิฟฟ์ มาคอยเรียกแขกให้เข้าโรง ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเลยว่า The Woman In Black สามารถทำได้สำเร็จนั้นคือการสร้างบรรยากาศของหนังที่รู้สึกจะเป็นองค์ประกอบที่โดดเด้งมากกว่าใครเพื่อน เพราะว่า บรรยากาศ ของหนังเรื่องนี้นั้นเต็มไปด้วยบรรยากาศแบบโบราณที่ดูแล้วนั้นมีกลิ่นไอของหนังสยองขวัญยุค 80 ลอยมาเพียบ จึงไม่แปลกใจเลยถ้าหากหนังทำ..
ให้คนดูรู้สึกอยากจะอุดหนุน หรือ ปิดตา อยู่ตลอดเวลาเมื่อตัวละครเอกนั้นได้ก้าวเข้าไปในบ้านผีสิง แถมเมื่อบรรยากาศเหล่านั้นผสมผสานไปกับลูกเล่นฉากสะดุ้ง และ หลอนๆ ของผู้กำกับ ที่สามารถใส่เข้ามาได้อย่างมีจังหวะ และ มีชั้นเชิง นั้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ The Woman In Black จะเป็นหนังสยองขวัญเปิดรับต้นปี ที่ถือว่าทำออกมาได้ไม่เสียฟอร์มทั้งชื่อของดารา และ ผู้กำกับ โดยเฉพาะประเด็นหนังที่สอดแทรกอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับเรื่องราวของ ความตาย ที่สามารถบอกเล่าออกมาได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการที่หนังพยายามสอดแทรกฉาก และ เหตุการณ์ต่างๆให้คนดูคิดเกี่ยวกับ ความตาย
ประมาณว่า ‘บางทีนั้นความตายอาจจะมีความสุข และ ความสบาย กว่าการดินรนมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำไป’ ซึ่งในขณะที่หนังกำลังตั้งโจทย์เหล่านั้นให้คนดูคิดตาม หนังก็ใส่ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับประเด็นนี้เข้ามาได้เรื่อยๆ โดยรวมนั้นถือว่าเป็นหนังสยองขวัญเรื่องนึงที่ทำออกมาค่อนข้างน่าพอใจมาก ถ้าหากหนังไม่มัวแต่กลับเสียเวลาอยู่กับการปูบทเรื่องในช่วงแรกที่ค่อนข้างยาวไปสักนิดนึง แถมในบางฉากที่หนังนั้นพยายามจะให้คนดูรู้สึกลุ้น และ ตื่นเต้น ไปกับตัวละครนั้นก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่สักเท่าไหร่ และส่วนที่ผิดฟอร์ม และ ผิดที่คนเขียนบทมากที่สุดนั้นคือ การที่วางตัวละครให้กับ แดเนียล แร็ดคลิฟฟ์
ให้เป็นหนุ่มนายหน้าค้าบ้าน ที่มีครอบครัว และ อดีต ที่สูญเสีย ที่น่าเสียดายว่าบทตัวละครนี้ดูจะก้าวกระโดดเกินวัย และ หน้าตา ของ แดเนียล แร็ดคลิฟฟ์ ไปสักหน่อย ในหลายๆฉากของนั้นผมจึงยังไม่สามารถลบตัวละครของ แร็ดคลิฟฟ์ ในบทของพ่อมดน้อย แฮรี่ พอตเตอร์ ออกไปได้สักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามโดยสรุปแล้วถ้าใครอยากหาสาวๆมานอนข้างไหล่เพราะความกลัวในวันวาเลนไทน์เรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาด
สรุป The Woman In Black ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญรับต้นปี ที่สามารถสร้างทั้งฉาก บรรยากาศ และ ดนตรีประกอบ ออกมาได้มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนหนังสยองขวัญยุค 80 มากๆ แถมฉากสะดุ้ง และ อีกหลายๆประเด็นก็ทำออกมาได้ดี จะตกม้าตายก็แค่วิธีการเล่าเรื่อง และ บทตัวละครของนักแสดงเท่านั้นเอง