ชีวิตหลังความตาย...กับข้อพิสูจน์เรื่อง “ผี” และ “เทวดา”

 

 

 

 

 

ชีวิตหลังความตาย...กับข้อพิสูจน์เรื่อง “ผี” และ “เทวดา”

 

หลายคนปรารถนาความตาย...ขณะที่อีกหลายคนก็ไม่อยากให้เวลานั้นมาถึง...ต่างคนก็ต่างจิตต่างใจกันออกไป แต่ “ความตาย” ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกชีวิตในโลกไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพียงแต่จะช้าหรือจะเร็วเท่าใดแค่นั้น

เรื่องราวของความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิต “หลังความตาย”

ดร.สนอง วรอุไร อาจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สมัยก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องเทวดา นรก สวรรค์ เปรต ชาติภพ การเวียนว่ายตายเกิด เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ จนกระทั่งเรียนจบจากต่างประเทศ ระหว่างที่รอสอนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วงนั้นว่างไม่รู้อะไรดลใจให้อยากพิสูจน์สิ่งที่ไม่เคย

1 เดือนเต็มๆ กับการปฏิบัติกรรมฐานที่วัดมหาธาตุ ส่งผลทำให้ความเชื่อของ ดร.สนองเปลี่ยนไป จนถึงขนาดกล่าวว่า

“ความเป็นวิทยาศาสตร์ที่ร่ำเรียนมาถอดทิ้งหมดเลย เพราะสามารถสัมผัสเทวดา ผีข้างถนนได้จริงๆ ซึ่งผมพยายามพิสูจน์มากว่า 30 ปียังหาข้อผิดพลาดไม่ได้ คุณจะสัมผัสได้ทั้งเทวดาและผี จิตวิญญาณทุกตน หากมีจิตสื่อถึงคนนั้น”

นอกจากจะได้สัมผัสเทวดา ผี แล้ว ดร.สนอง บอกว่ายังได้เห็นชาติภพที่ผ่านมา รู้ว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง ตรงนี้ทำให้รู้ว่าทุกคนมีการเวียนว่ายตายเกิด เกิดเป็นเทวดา เป็นเปรต เป็นสัตว์ ส่วนชาติภพไหนจะเกิดเป็นอะไรนั้นขึ้นอยู่ทำบุญ สร้างกรรมไว้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหลังจากรับรู้แล้วก็ได้เริ่มสร้างสิ่งดีๆ มาตลอด เริ่มจากสิ่งใกล้ตัวไม่สร้างความเดือดร้อนหรือล่วงเกินใคร ทั้งทางกาย วาจา ใจ และทำบุญทำทาน อุทิศส่วนบุญให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ให้พวกเขารับผลบุญนี้ ดร.สนอง กล่าวถึงคนตายว่า ร่างกายตายแต่วิญญาณยังวนเวียนอยู่กับญาติ พี่น้อง คนรัก เนื่องจากความรักความผูกพันของผู้ตาย ซึ่งหลายคนมองไม่เห็น แต่คนตายเขาต้องการให้รับรู้ว่าเขามาหา จึงสัมผัสได้จากกลิ่น เสียง หรืออื่นๆ และที่ว่ากันว่าหมาหอนเพราะเห็นผีนั้น “เป็นเรื่องจริง” เนื่องเพราะหมามีสายตา จมูก ที่รับรู้ได้รวดเร็วกว่าคน

“จิตครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากร่าง อยากให้นึกถึงบุญ ความดี ที่เคยทำระหว่างที่มีชีวิตอยู่ หรือนึกถึงพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพสักการะ เพราะผลบุญเหล่านี้จะช่วยให้ดวงวิญญาณก่อนออกจากร่างไปสู่สวรรค์ ถ้านึกคิดแต่เรื่องทุกข์ สิ่งที่ไม่ดี มีอกุศลจิต ตายไปอาจตกนรก ทั้งที่ตลอดชีวิตทำดีมาตลอด อย่างไรก็ตาม ทุกคนจะได้สัมผัสทั้งนรกและสวรรค์เพียงแต่จะอยู่ที่ไหนยาวนานเท่านั้น หากทำความดีเยอะก็ได้รับความสุขสบายอยู่บนสวรรค์” ดร.สนองแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนสิ้นใจ

ด้าน ผศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการศึกษาพระพุทธศาสนา มนุษย์เวียนว่ายตายเกิด บางรายตายแล้วเกิดใหม่ทันที และกว่าจะเกิดเป็นมนุษย์มีขั้นมีตอน คือรับรู้ความรู้สึกต่างๆ ไม่ว่าสุข ทุกข์ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา พอคลอดการเลี้ยงดู ตลอดจนสภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้ทำกรรมดีกรรมชั่ว

ดังนั้น ทุกคนควรเตรียมตัวตายไว้ล่วงหน้า ก่อนร่างกายดับสนิท และก่อนลมหายใจสุดท้าย อยากให้ตั้งจิตอธิษฐานว่าเกิดชาติหน้าอยากเป็นอะไรไว้ด้วย “ตั้งจิต สมาธิ และอย่ายึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่รัก ไม่ว่าจะคน ทรัพย์สินเงินทอง เพราะยิ่งรักมากก็จะทุกข์มาก อยากให้ปล่อยวาง เราเกิดมาแต่ตัวเราก็ไปแต่ตัวเช่นเดียวกัน แล้วหมั่นกระทำความดีตลอดช่วงเวลาที่มีลมหายใจอยู่ เพื่อให้บุญกุศลนี้ช่วยให้ขึ้นสวรรค์”

ถึงตรงนี้ คงต้องบอกว่า...เชื่อไม่เชื่ออย่างไร...
ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินเอาเองก็แล้วกัน

Credit: http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2473
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...