นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการเป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานรณรงค์ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์ เนื่องในวันวาเลนไทน์ประจำปี 2555
โดยตอนหนึ่งได้พูดถึงผลสำรวจที่ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจพฤติกรรมการใช้และการเข้าถึงถุงยางอนามัยของเยาวชน อายุ 12-24 ปี ในเขตกรุงเทพฯ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,014 คน สรุปข้อมูลได้ว่า
- เยาวชนไทยร้อยละ 69 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
- ส่วนในกลุ่มที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ระบุว่า เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 14-15 ปี ในจำนวนนี้ใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 52
- มีเยาวชนประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มที่เคยมีเพศสัมพันธ์ ยอมรับว่า เคย “สวิงกิ้ง” หรือเปลี่ยนคู่นอน
ส่วนเรื่องทัศนคติของเยาวชนที่มีต่อถุงยางอนามัย
- เพียงแค่ร้อยละ 43 เห็นว่า ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ได้
- เยาวชน ร้อยละ 89 ไม่พกถุงยางอนามัย
- ร้อยละ 48 เห็นด้วยกับการพกถุงยางอนามัยติดตัวเพื่อความปลอดภัย
ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในปัจจุบัน พบว่า อัตราการติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน อายุ 15-19 ปีเพิ่มจากร้อยละ17.33 ในปี2548 เป็นร้อยละ 19.31 ในปี 2553 และมีการใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 53.2 นอกจากนี้ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจคือจำนวนผู้ป่วยหนองในมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเมื่อปี 2543 มีอัตราผู้ป่วยโรคนี้จาก 22.3 รายต่อแสนประชากร แต่เมื่อปี 2553 พบว่า มีอัตราผู้ป่วยหนองในเพิ่มเป็น 42.2 รายต่อแสนประชากร ซึ่งเป็นข้อบ่งถึงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย