ผีเสื้อหนอนใบกระท้อน หรือ ผีเสื้อยักษ์ เป็นผีเสื้อที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Attacus atlas อยู่ในวงศ์ Saturniidae จัดเป็นผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ ระยะที่เป็นตัวหนอนกินใบกระท้อน, ฝรั่ง, ขนุน และใบดาหลา ตัวเมียวางไข่บนใบพืชอาหาร ลักษณะไข่กลมสีน้ำตาล ขนาดประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ระยะฟักไข่ประมาณ 7 วัน เมื่อเป็นตัวหนอนมีปุ่มหนามทั่วตัว ลอกคราบ 5 ครั้ง หนอนวัยที่ 1 ขณะฟักออกจากไข่ ตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร หนอนวัยที่ 5 ขนาดตัวยาวประมาณ 6 เซนติเมตร ระยะเวลาที่เป็นตัวหนอนประมาณ 1 เดือน ก่อนเตรียมตัวเข้าดักแด้ โดยการถักรังไหมสีน้ำตาลขนาด 3x6 เซนติเมตร หนอนลอกคราบเป็นดักแด้อยู่ในรังไหม ระยะดักแด้ 1-6 เดือน และลอกออกเป็นตัวเต็มวัยประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมไปจนถึงปลายปีและถึงต้นปีถัดไป
ผีเสื้อหนอนใบกระท้อน Attacus atlas เมื่อโตเต็มวัย มีความยาวจากปลายปีกข้างหนึ่งไปถึงข้างหนึ่งได้ประมาณ 1 ฟุต ลําตัวยาว 4-5 เซนติเมตร กว้าง 1.5–2 เซนติเมตร ลําตัวและอกคลุมด้วยขนสีนํ้าตาลแดง ปีกสีนํ้าตาลแดงหรือสีน้ำตาลส้มมีลวดลายโดยเฉพาะบริเวณเกือบกึ่งกลางปีก มีลักษณะบางใสรูปคล้ายใบโพ และเมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้ว จะไม่กินอาหารและจะผสมพันธุ์เพื่อแพร่เผ่าพันธุ์อย่างเดียว
ผีเสื้อหนอนใบกระท้อน Attacus atlas พบกระจายได้ทั่วไปในอินเดีย จนถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อินโดนีเซีย และตอนใต้ของจีน โดยจะพบมากในป่ากระท้อน
ชื่อสกุลและชื่อสายพันธุ์ของผีเสื้อหนอนใบกระท้อนนี้ มาจากคำว่า Atlas ที่หมายถึงเทพแอตลาส 1 ในหมู่เทพไททันในเทพปกรณัมกรีก ซึ่งเป็นเทพที่มีร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์และที่ทำหน้าที่แบกโลกไว้นั่นเอง
ในสิงคโปร์ จะเรียกผีเสื้อหนอนใบกระท้อน Attacus atlas นี้ว่า ผีเสื้อหัวงู เนื่องจากปลายปีกจะมีลักษณะคล้ายหัวงูมีลูกตาเอาไว้หลอกผู้ล่ายามรัตติกาล
ในประเทศไทยได้กลายเป็นข่าวฮือฮาขึ้นมาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อมีชายคนหนึ่งพบผีเสื้อชนิดนี้มาเกาะกินใบของต้นขนุนหน้าบ้าน ด้วยลำตัวที่มีขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าเป็นผีเสื้อที่หายาก ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งในความจริงแล้วผีเสื้อชนิดนี้ไม่ได้เป็นผีเสื้อที่หายากแต่ประการใด