เรื่องสั้นวันนี้ "เปรตกินศพ"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว ในสมัยโบราณมีพระองค์หนึ่งออกธุดงค์ไปทั่ว ท่านได้ช่วยผู้คนที่อดอยากปากแห้งเพราะภัยสงครามและเ ผยแพร่ศาสนาไปทั่วแคว้น
อยู่มาวันหนึ่งท่านได้ธุดงค์ผ่านเขาลูกหนึ่งซึ่งเขาล ูกนั้นเป็นเขาร้างรกที่เต็มไปด้วยต้นไม้และป่าทึบ ยามนั้นเย็นมากแล้วท้องฟ้าเริ่มสีแดงฉาน และแล้วพระองค์นั้นก็ต้องแปลกใจอย่างงุนงง เพราะว่ามีกระท่อมหลังหนึ่งจุดไฟเปิดไว้ "มันน่าแปลกทั้งๆเขาลูกนี้เป็นอย่างนี้แล้วยังจะมีคน อุตส่ามาอยู่อีกเหรอ" ท่านกำลังคิดใคร่ครวญในใจ
แต่แล้วทันใดก็มีนักบวชใส่จีวรเก่าคร่ำคร่าคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากบ้าน หลวงพ่อไม่รอช้ารีบเข้าไปทำทีเป็นขออาศัยซึ่งนักบวชน ั้นก็ต้อนรับเป็นอย่างดีแต่ที่รู้ๆเขาไม่ยอมให้หลวงพ ่อค้างที่นี้คืนนี้แน่
"อาตมาเดินทางมาไกล จะขอค้างแรมที่นี่สักคืนหวังว่าท่านนักบวชคงจะเมตตานะ" พระกล่าว
"เอ่อ ข้าว่าคงไม่ได้หรอก อย่าหาว่าข้าใจดำเลยแต่ข้ามีเหตุผลบางอย่างที่ไม่สามารถให้ท่านพักที่นี่ได้" นักบวชกล่าวตอบ
"เอาอย่างงี้ ท่านเดินทางลงเขาไปเบื้องหน้าที่นั้นมีหมู่บ้านอยู่ ท่านจงไปอาศัยที่นั้นเถิดนะ"
พระทำท่าทีงุนงงแต่ก็ขอบใจและกล่าวอำลามุ่งหน้าเดินทางลงเขาไปให้ถึงหมู่บ้านก่อนที่จะค่ำ และแล้วก็ถึงหมู่บ้านอย่างที่ว่า ชาวบ้านที่นั้นต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และมอบโรงเตี้ยมเป็นที่พักอาศัยให้กับพระ
ที่โรงเตี้ยมนั้นมีชายแก่คนหนึ่งดูแล เขาจัดหาที่พักห้องนอนให้กับพระและแนะนำโรงเตี้ยมให้ รู้จักทุกซอกทุกมุม แต่มีอยู่ห้องหนึ่งที่ปิดตาย และชายแก่ย้ำนักย้ำหนาว่าไม่ให้หลวงพ่อเปิดเข้าไปเป็นอันขาด พระองค์นั้นเลยอดสงสัยไม่ได้เฝ้าหาทางดูอยู่เรื่อย
แต่แล้วคืนนั้นเกิดเหตุสุดวิสัยบังเอิญมีคนตายและชาวบ้านต่างพากันอุ้มศพมาไว้ในห้องปิดตายน้น พระสงสัยเลยแอบเข้าไปดูในขณะที่ผู้คนชุลมุนกันอยู่ สิ่งที่ท่านเห็นเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ด้านบนมีหิ้งที่จัดเตรียมธูปเทียนและเครื่องเซ่นไหว้ไว้พร้อม ท่านแปลกใจเลยถามชายแก่เจ้าของบ้านไปว่า
"เพราะเหตุใดท่านจึงเอาศพผู้ไร้วิญญาณมาไว้ในห้องแบบ นี้ ทำไมไม่เอาไปสวดส่งอาตมาเองก็เป็นพระน่าจะช่วยท่านได ้"
แต่แล้วชายแก่กลับตอบมาว่า "โทษทีท่าน นี่เป็นธรรมเนียมของหมูบ้านเราที่ทำกันมาช้านาน คือเมื่อมีคนตายเราจะต้องนำมาที่นี่ ถ้าท่านอยากรู้คืนนี้ท่านก็จงนอนรอดูเหตุการณ์ไปซะ"
พระเลยตกลงขอนอนที่ห้องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในขณะที่ผู้คนต่างมองหน้ากันอย่างหวาดผวาและพากันออก ไปจากห้อง และแล้วคืนนั้นเอง ดึกสงัดขณะที่พระกำลังนอนหลับเฝ้าศพอยู่นั้น ทันใดก็มีลมพัดวูบมาดับเทียนหมด ท่านตกใจเลยตื่นขึ้นมาดู
แต่แล้วก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อประตูห้องที่ปิดสนิทดันเลื่อนเปิดเอง ครืดดดด!!! เสียงระตูถูกเลื่อนออก พร้อมร่างมหึมาใหญ่โตก็ตะครุ่มเข้ามา พระท่านต้องตกใจแทบเป็นบ้าเมื่อเห็นโครงกระดูกผีมหึมารูปร่างแห้งเหี่ยวน่าเกลียดสูงเท่าเพดานห้อง เอื้อมมือยาวไปหยิบของเส้นไหว้บนหิ้งกินจนหมด แล้วเหลือบมาคว้าศพคนตายขึ้นไปกินอย่างหิวโหย เสียงมันนั้นร้องอย่างทรมานเหมือนไม่ได้กินอะไรมาเป็นร้อยๆปี มันกินศพจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือเส้นผมแล้วก็ทะยานวับหายไปพร้อมเสียงร้อง วี๊ดดดดด ...
พระเองนั่งนิ่งไม่ขยับไปจากตรงนั้นจนถึงเช้า รุ่งเช้าท่านไม่พูดอะไรรีบเก็บข้าวของออกจากหมู่บ้าน ท่าเดียว... ขณะที่ท่านกำลังเดินทางออกไปก็เหลือบไปเห็นนักบวชคนเมื่อเย็นวานที่เจอ
เขาเดินตรงเข้ามาหาและพูดกับพระว่า
"ท่านเองคงเห็นแล้วสินะ ร่างจริงของข้าน่ะ" พระทำท่าทีแปลกใจ
"ก็เปรตตัวเมื่อคืนนี้ไง ข้านะตอนที่มีชีวิตอยู่หาศาสนาตนเองก็ไม่ได้ต้องเที่ยวเป็นนักบวช แต่แล้วอดอยากไม่มีข้าวกินเข้าไปขโมยของพระกินในวัด มีผู้คนส่งของมาถวายพระข้าก็แอบกินจนเรียบ ก็อย่างที่เห็นแหละตายมาต้องมาเป็นปิศาจคอยกินศพชาว้้านในหมู่บ้าน เร่ร่อนไปไม่ได้ผุดเกิด ท่านเองก็ด้วย จงมั่นอยู่ในศีลธรรมอันดีอย่าได้นอกลู่นอกทางเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นเหมือนข้า" ว่าแล้วนักบวชนั้นก้หายวับไป ตั้งแต่นั้นมาพระองค์นั้นก็หมั่นอุทิศส่วนกุศลไปให้เปรตตนเพื่อบรรเทาความทุกทรมานของเขาลงบ้าง และให้เขาไปผุดเกิด...