กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจล่อซื้อพร้อมจับกุมอดีตนักมวยไทย ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด รับสารภาพว่าได้ติดต่อซื้อขายกับนักโทษในเรือนจำนั้น ตนได้สั่งการให้ผู้บัญชาการเรือนจำตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับผู้ต้องขังในเรือนจำรายใดบ้างเพื่อขยายผล นอกจากนี้จะเพิ่มมาตรการคุมเข้มมากขึ้น จัดเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นทุกเรือนจำ เดือนละ 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังพบว่า ผู้ค้ายาเสพติดได้พยายามใช้วิธีการต่าง ๆ ส่งยาเข้าไปในเรือนจำ เช่น การนำยาเสพติดใส่ลูกเทนนิสหรือแม้แต่ยัดปากคางคกขว้างข้ามกำแพงเรือนจำ ฯลฯ
สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณที่จะนำร่องใช้ในเรือนจำความมั่นคงสูงเพื่อป้องกันการติดต่อซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ ล่าสุดกรมราชทัณฑ์ได้ทำสัญญาร่วมกับภาคเอกชนเพื่อร่วมหาเครื่องมือ อุปกรณ์ที่เหมาะสมเข้ามาตัดสัญญาณโทรศัพท์ผู้ต้องขัง โดยไม่กระทบกับชุมชนรอบเรือนจำ ซึ่งจะนำไปใช้ที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี เป็นแห่งแรก คาดว่าอีก 8 เดือนจะเริ่มใช้งานได้ ส่วนเรือนจำอื่น ๆ จะต้องรองบประมาณปี 2554 ซึ่งคณะกรรมการของกระทรวงยุติธรรม ได้พิจารณาแล้วเห็นควรให้ติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ในเรือนจำทุกแห่ง โดยได้ขออนุมัติงบประมาณ 140 ล้านบาทเพื่อใช้ในการดำเนินงานต่อไป.