นางจิตรมณี สุวรรณพูล รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป กรมสรรพากรกำหนดให้ผู้เสียภาษีสรรพากรทุก
ประเภท ทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา คณะบุคคล บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลใช้เลข
ประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลัก แทนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 10 หลักที่ใช้อยู่เดิม
ในการยื่นแบบแสดงรายการ การชำระภาษี การหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย การติดต่อราชการ
กับกรมสรรพากร รวมทั้งการจัดทำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การจัดทำใบกำกับภาษี
การจัดทำใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น
ในการกำหนดใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 13 หลักนั้น ได้แบ่งการใช้ออกตาม
ประเภทของผู้เสียภาษีอากร ดังนี้
1.ผู้เสียภาษีประเภทบุคคลธรรมดา ให้ใช้เลขประจำตัวประชาชน 13 หลักที่กรมการ
ปกครอง กระทรวงมหาดไทยออกให้เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
2.ผู้เสียภาษีประเภทนิติบุคคลไทย หรือนิติบุคคลต่างประเทศ ที่ต้องจดทะเบียนหรือขอ
อนุญาตกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ใช้เลขทะเบียนนิติบุคคลที่กรม
พัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ออกให้ เป็นเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
3.ผู้เสียภาษีที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้ใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
13 หลัก ที่กรมสรรพากรออกให้
ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้ผ่อนปรนให้ผู้เสียภาษีสามารถใช้หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ใบกำกับภาษี ใบรับและใบส่งของที่จัดพิมพ์ไว้แล้ว โดยใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
เดิมต่อไปได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2556
โฆษกกรมสรรพากรกล่าวว่า การใช้เลขประจำตัว 13 หลักดังกล่าว เป็นการเชื่อมโยง
ข้อมูลการเริ่มต้นธุรกิจระหว่างหน่วยงานกรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ
สำนักงานประกันสังคม เพื่อการใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน เป็นการลดขั้นตอนในการติดต่อขอ
เลขประจำตัวในการประกอบธุรกิจ ทำให้ผู้ประกอบการนักธุรกิจได้รับความสะดวกรวดเร็วขึ้น