ฝนประหลาด
ฝนประหลาด เป็นเรื่องที่เกิดตามที่ต่าง ๆ ของโลกตั้งมากมายหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองไกล เช่นเมืองฝรั่งเศล อังกฤษและทั้งเมืองใกล้ แบบพม่ายังงี้ เรื่องแรกที่จะเล่าเป็นที่เกิดที่เกาะสิงคโปร์ (ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นประเทศ) ใกล้ ๆ เมืองไทยเรานี่ละครับ
ฝนตกลงมาพร้อมสิ่งประหลาดครั้งนั้นเกิดเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. ๑๘๖๑ (พ.ศ.๒๔๐๔) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดตามมาจากการมีแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงที่นั่น ต่อมาก็มีฝนกระหน่ำติดๆ กันถึง ๖ วัน กว่าฝนจะหยุดปาเข้าไปวันที่ ๒๒ นั่น น่ะครับ นายหรังซัว เดอ คาสเตลนู ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสที่อยู่บนเกาะ ตอนนั้น รายงานเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นให้สภาวิทยาศาสตร์อังกฤษฟังว่า
"๑๐ โมงเช้า ดวงอาทิตย์ค่อยปรากฏเป็นดวง พอผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นชาวมาเลย์กับชาวจีนจำนวนมากวุ่นวายอยู่กับการเก็บปลาใส่ตะกร้า ผมค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นเขาเก็บขึ้นมาจากแอ่งน้ำบนพื้นนั่นแหละ พอถามเข้าเขาก็พากันบอกว่า มันตกลงมาจากฟ้า อีก ๓ วันต่อมา พอน้ำแห้งหมด เรายังพบปลาตายอยู่อีกตั้งมาก ผมแปลกใจจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาข้อหักล้างอะไรมาบอกพวกเขาได้ แต่ผมได้ออกไปตรวจดูที่เกิดเหตุร้ายด้วย แล้วพบว่าปลาที่ตกลงมาจากฟ้า (อย่างที่ชาวบ้านบอก) คือปลาที่อยู่ในตระกูลปลาไม่มีเกล็ดทั้งนั้น (พวกปลาดุก ปลาสวาย) ปลาพวกนี้มีอยู่ทั่วไปในแหล่งน้ำจืดแถบสิงคโปร์ แหลมมลายู สยาม สุมาตรา และบอร์เนียว ตัวมันยาวประมาณ ๒๕ ถึง ๓๐ เซนติเมตร ซึ่งนับว่าโตเต็มที่แล้ว"
แม้ว่าอีตา คาสเตลนู จะไม่ได้เห็นปลาตกมาจากฟ้ากับตาแต่เขาก็เชื่อว่าปลาต้องตกมาจากฟ้าจริงๆ เชียวละครับ ไม่งั้นปลามันจะมาจากไหนตั้งมากมาย กระจายอยู่บนถนนให้ชาวบ้านไล่เก็บอย่างง่ายดายอย่างงั้นเล่า
ตรงข้ามกับคาสเตลนูซึ่งไม่ได้เห็นกับตา มีอีกคนที่เห็นฝนตกลงมาเป็นปลาดังว่าสด ๆ ร้อน ๆ เลยทีเดียว เป็นปรากฏการณ์ฝนปลาที่ภูเขาแอช กลามอร์แกนเชียร์ ที่เวลส์ ประเทศอังกฤษในปี ๑๘๕๙ (พ.ศ.๒๔๐๒) โนนครับ คราวนั้นโรเบิร์ต ชัดวัล รายงานไว้ในวารสารฟอร์ทีนไทม์ ปี ๑๙๗๙ ว่า
เวลาประมาณตอน ๑๑ โมงเช้า จอห์น ลูอิส กำลังทำงานอยู่ในป่าบนภูเขาแอช พลันนั้นเองตะแกรู้สึกเหมือนมีของอะไรบางอย่างหล่นมาถูกตัว และเจ้าอะไรที่ว่านี้มีอยู่อันหนึ่งหล่นลงมาแหมะอยู่ตรงท้ายทอยของแกพอดี
"ผมตะปบมือไปที่ต้นคอคว้าของที่หล่นลงมาโดนได้พอดีแล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจ้าสิ่งที่อยู่ในมือ มันเป็นปลาตัวเล็ก ๆ ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน ผมเหลียวมองไปรอบๆ ตัวก็เห็นปลาแบบนี้ดิ้นไปมาอยู่พื้นดินเต็มไปหมด แม้กระทั่งบนปีกหมวกผมก็มีปลาดิ้นกระแด่วๆ มองไปที่โรงเก็บของก็มีปลาอยู่เต็มเช่นกัน ผมว่าถ้ากวาดเอามารวมกันคงได้หลายถังทีเดียวเชียวละครับปลาพกวนั้นมันหล่นลงมาจากฟ้า ทีแรกก็ไม่กี่ตัวหรอกครับ แต่อีกซักประเดี๋ยวเดียวมันก็พรูลงมายังกับสายฝน เพียงแต่ว่าเม็ดฝนแทนที่จะเป็นน้ำ มันกลับกลายเป็นตัวปลา"
นอกจากฝนจะตกลงเป็นตัวปลาแล้ว ยังตกลงมาเป็นอย่างอื่น อีก เช่น พวกคางคก พวกกบ ซึ่งถือเป็นฝนยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งเช่นที่เกิดในตำบลลาเลน ฝรั่งเศส เมื่อปี ๑๗๙๔ ทหารผู้ประสบเหตุเล่าว่า
"วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนมาก แต่แล้วในช่วงบ่ายสามโมงนั่นเอง พายุฝนขนาดใหญ่ก็เทกระหน่ำลงมาจนแม้ทหารรักษาวัง ๑๕๐ คนที่ได้รับคำสั่งไม่ให้ทิ้งหน้าที่โดยเด็ดขาดก็จำเป็นต้องหนีออกจากตำแหน่งที่ตนรักษาอยู่เพื่อหลบฝน แต่ว่าเมื่อสายฝนช่วงแรกตกลงมาสู่พื้น เหล่าทหารก็ต้องแปลกใจ เพราะแทนที่จะเป็นน้ำฝนอย่างเดียว กลับมีคางคกขนาดเท่านิ้วก้อยจำนวนมหาศาลผสมลงมาด้วย พอลงถึงพื้นมันก็กระโดดกระหยองกระแหยงเปะปะไปทั่ว นายทหารคนหนึ่งซึ่งเข้าเวรรักษาการณ์ ไม่เชื่อว่าฝนจะตกลงมาเป็นคางคกเขาเลยเอาผ้าเช็ดหน้าออกมากางกลางฝนให้เพื่อนคนหนึ่งถือสองมุมไว้ปรากฏว่า ได้คางคกตกลงในผ้าเช็ดหน้าของเขาไม่น้อยทีเดียว คางคกแต่ละตัวยังมีหาง แสดงว่ายังไม่พ้นภาวะการเป็นลูกอ๊อด ฝนคางคกตกอยู่ชั่วโมงจึงหยุดไป แต่ว่าตอนนั้นน่ะในหมวกแบบสามมุมของพวกเขา (เครื่องแบบทหารในยุคนั้น) มีคางคกเล็ก ๆ พวกนี้ค้างอยู่เต็มไปหมด"