ไทม์เผย 10 สิ่งมีชีวิตเก่าแก่ ที่ยังไม่สูญพันธุ์ ไปจากโลก โดยเป็นเรื่องที่น่าสนใจ
ว่าการพบว่ามันยังมีตัวตนบนโลกใบนี้ จะนำไปสู่การนำพวกมันสู่ถิ่นกำเนิด คง
ความสมบูรณ์เชิงนิเวศให้แก่กลุ่มสิ่งมีชีวิต
10.ช้างชวา (Javan Elephants ) ช้างชวาเชื่อว่าสูญพันธ์ไปแล้ว แต่กลับถูกพบอีกครั้ง
หลังจากที่นักวิจัยพบว่า ช้างแคระบอร์เนียว (Borneo Pygmy Elephant) จริงๆแล้ว
สืบสายพันธ์มาจากช้างชวา โดยรัฐสุลต่านซูลู (ปัจจุบันอยู่ในฟิลิปปินส์) ใช้สัตว์ชนิดนี้
เป็นของรางวัลในการแลกเปลี่ยนในแถบเกาะบอร์เนียวมาหลายร้อยปี และถูกส่งไปทั่ว
เอเชียเป็นของขวัญระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจะเหลืออยู่เพียง 1,000 ตัว ใน
ประเทศมาเลเซีย
9.จิงโจ้ขนาดเล็ก (Bridled Nailtail Wallaby) จิงโจ้ขนาดเล็กที่มีลักษณะหางแหลม
และมีเส้นบังเหียนสีขาวบริเวณ หัว หัวไหล่ และหางของมัน ซึ่งในอดีตอาศัยอยู่จำนวน
มากในแถบตะวันออกของออสเตรเลีย แต่ก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 1937 มีการ
ประกาศว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ในปี 1973 ถูกพบอีกครั้งโดยคนรับจ้างรายหนึ่งในรัฐ
ควีนส์แลนด์ ทั้งนี้ แม้ว่ามันจะถูกพบอีกครั้งแต่จำนวนประชากรของจิงโจ้ Wallaby ก็ยังคง
มีไม่มาก โดยสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าของรัฐควีนแลนด์ เชื่อว่ามันมีน้อยกว่า 1000 ตัว
ในรัฐแห่งนี้
8. กระรอกบิน (Woolly Flying Squirrel) กระรอกบิน แตกต่างจากกระรอกตัวอื่น
โดยที่มันจะไม่ใช้วิธีการโผตัวไปข้างหน้า แต่สามารถบินได้ด้วยปีกบางๆ เสมือนเป็นร่ม
ชูชีพถ่วงน้ำหนักอยู่ในอากาศ มีขนาด 5-12 นิ้ว มีหางที่มีลักษณะพุ่มขนาดใหญ่ เชื่อว่า
สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อ 70 ปี แต่มีการพบตัวมันอีกครั้งเมื่อปี 1995 ในทางตอนเหนือของ
ปากีสถาน
7.ม้าแคสเปียน (Caspian Horse ) ม้าขนาดเล็ก มีต้นกำเนิดจากทางตอนเหนือของ
ประเทศอิหร่าน แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ถูกจัดอยู่ในม้าพันธุ์เล็ก (pony) เชื่อ
ว่าเป็นม้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เนื่องด้วยต้องต่อสู้กับสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ขนาด
ของมันเล็กลงเรื่อยๆ โดยมีการพบเห็นมันอีกครั้งในปี 1965 ใกล้กับทะเลแคสเปียน แต่
ปัจจุบันพบน้อยมากในแถบอเมริกา ยุโรป นิวซีแลนด์ และสวิสเซอร์แลนด์
6.นก Worcester’s Buttonquail โดยมีการพบเจ้านกชนิดนี้เมื่อปี 2009 ที่เขาลูซอน
ประเทศฟิลิปปินส์ หลังจากที่คิดว่ามันสูญพันธ์ไปแล้ว เนื่องจากมีการซื้อขายมาเป็น
อาหาร และนกชนิดนี้ยังเคยถูกบันทึกโดยสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและ
ทรัพยากรธรรมชาติ ให้เป็นสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่า
5.ตัวพิกมี่พอสซัมภูเขา(mountain pygmy possum)เป็นสัตว์หายากในประเทศ
ออสเตรเลีย ที่มีการพบเมื่อปี 1966 ทั้งนี้ ต้องใช้อุโมงค์สำหรับเดินข้ามไปยังอีกฟากหนึ่ง
ของสวนอนุรักษ์สัตว์ เพราะว่าเมื่อมีการสร้างถนนตัดผ่านสวนอนุรักษ์สัตว์แห่งนี้ พวกตัว
พิกมี่พอสซัมที่เป็นเพศผู้จะถูกรถชนตายในตอนที่พวกมันวิ่งข้ามถนนเพื่อไปหาพิกมีพอส
ซัมที่เป็นเพศเมียอยู่เสมอ จึงได้มีการสร้างอุโมงค์ลอดถนน ปัจจุบันสัตว์หายากเหล่านี้
สามารถใช้อุโมงค์นี้เดินลอดไปมาหากันได้อย่างปลอดภัย
4.หนูคะยุ (Laotian rock rat) เป็นหนูชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเขาหินปูน และคาดว่า
สูญพันธุ์ไปเมื่อ 11 ล้านปีที่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์กลับพบโดยบังเอิญในตลาดสดเล็กๆ
แห่งหนึ่งในประเทศลาว เมื่อปี 2005 ลักษณะของมันคล้ายกับหนูและกระรอกผสมกัน มี
หางที่หนา และมีขนสีเทา
3.ปลาดึกดำบรรพ์ Coelacanth เมื่อมองแบบผิวเผินไม่ต่างจากปลาทั่วไป แต่ลักษณะ
ของมันมีหางทรงกระบอกที่ยาว เป็นสัตว์ที่มีลักษณะแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้จะผ่านไป
นานหลายร้อยล้านปี โดยถือกำเนิดครั้งแรกบนโลกในยุคดีโวเนียนเมื่อ 400 ล้านปีก่อน
มันจึงเป็นสัตว์ที่มีชีวิตบนโลกก่อนไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลาน
มันว่ายน้ำไปข้างหน้าได้ ถอยหลังได้ หงายท้องได้ และว่ายตั้งฉากกับท้องน้ำเป็นเวลา
นานก็ได้โดยใช้ครีบกระพือน้ำ ซึ่งมนุษย์เชื่อว่ามันสูญพันธ์ไปแล้ว 65 ล้านปี เนื่องจากถูก
อุกกาบาตชนโลก แต่มันก็สามารถสืบสายพันธุ์มาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการพบครั้งแรกเมื่อปี
1938 ที่แอฟริกาใต้ โดยปัจจุบันมีปลาชนิดนี้เหลือเพียง 200-300 ตัวเท่านั้น และนั่นก็
แสดงว่ามันเป็นสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์
2.ค่างแดร็กคูล่า Miller’s Grizzled Langurs ทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้ศึกษาสิ่งมีชีวิตใน
ป่าลึกของอินโดนีเซีย เดินทางสำรวจสัตว์ป่า เพื่อเก็บภาพเสือดาวและลิงอุรังอุตัง แต่เมื่อ
พวกเขานำภาพที่บันทึกมาดูอีกครั้งกลับพบ ค่างแดร็กคูล่า ที่เชื่อว่าสูญพันธ์ไปเป็นเวลา
นาน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ายังเหลืออยู่จำนวนเท่าใด ทั้งนี้ เหตุที่มีชื่อว่า ค่างแดร็กคู
ล่า เนื่องจากขนบริเวณคอที่ยื่นยาวออกมานั้น เหมือนปกเสื้อของเค้าร์ทแดร็กคูล่า นั่นเอง
1. เต่ายักษ์กาลาปากอสสายพันธุ์ Chelonoidis elephantopus แห่งหมู่เกาะ
กาลาปากอส มนุษย์หลงเข้าใจผิดกันว่าสูญพันธุ์ไปแล้วกว่า 150 ปี แต่ล่าสุด ทีมวิจัยจาก
เยลมีการตรวจพบพันธุกรรม อย่างน้อยกว่า 30 ตัว ที่มีชีวิตรอดมานานหลายปี โดยอาศัย
อยู่บริเวณที่ลาดชันภูเขาไฟทางเหนือของเกาะอิซาเบลา ซึ่งอยู่ห่างจากถิ่นเดิมของ
บรรพบุรุษ 300 กิโลเมตรในเกาะฟลอรีนา ที่พวกมันสาบสูญไปนาน