จากเหตุการณ์เมื่อปี 2008 ที่ประชาชนจำนวนมากในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีอาการป่วยประหลาดคล้ายกับมีแมลงคลานอยู่ในผิวหนัง และมีเลือดซึม และมีสิ่งแปลกปลอมคล้ายกับเส้นใยสีดำเล็กๆงอกออกมาจากผิวหนัง

คณะนักวิจัยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (ซีดีซี) รายงานจากการศึกษามานาน ยังไม่พบว่าเชื้อโรคติดต่อ พยาธิ หรือสารพิษจากสิ่งแวดล้อมเป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังมอร์เจลลอนส์ (Morgellons) ซึ่งเป็นโรคประหลาดที่กลายเป็นกระแสวิตกในสหรัฐฯและยังหาสาเหตุไม่ได้

จากผลการศึกษาใช้งบประมาณถึงกว่า 600,000 ดอลลาร์ ซึ่งได้ผลสรุปว่าอาการของโรคประหลาดนี้ จะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเท่านั้น โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อเปิดเผยว่า ไม่พบการติดเชื้อในผู้ป่วยแต่อย่างใด

ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคมอร์เจลลอนส์ต่างรู้สึกคันเหมือนมีแมลงอยู่ใต้ผิวหนัง ปวดแสบปวดร้อน และมักพบเส้นใยหรือด้ายสีดำ น้ำเงิน หรือแดงโผล่บนผิวหนัง ผู้ป่วยบางรายอ้างว่า พวกเขามีอาการดังกล่าวเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่ก็ไม่มีการตั้งชื่อในทางการแพทย์อย่างเป็นทางการกระทั่งปี 2002 จึงมีการใช้ชื่อว่า "มอร์เจลลอนส์" ที่คัดเลือกมาจากอาการป่วยเช่นเดียวกันนี้ที่ระบุไว้ในเอกสารทางการแพทย์กว่า 1,674 ฉบับ

แต่จากการที่รัฐบาลสหรัฐติดตามศึกษามานานก็ยังไม่พบว่าโรคผิวหนังประหลาดดังกล่าวเป็นโรคติดต่อและจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้แพทย์สงสัยว่าเป็นอาการทางจิตมากกว่าโรคทางร่างกาย

ทางการสหรัฐได้รับรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ดังนั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อจึงได้ทำการวิจัยเพื่อค้นหาสาเหตุมาตั้งแต่ปี 2007 โดยตรวจผิวหนังและทำแบบสอบถามผู้ป่วยรวมถึงสภาพแวดล้อมประจำวัน แต่ไม่พบว่าโรคผิวหนังลึกลับมาจากโรคติดต่อหรือได้รับสารเคมี ส่วนการศึกษาเส้นใยที่เก็บจากผิวหนังคนไข้พบว่ามีส่วนประกอบของฝ้ายและไนล่อนแบบเดียวกับที่ใช้ทำเสื้อผ้าและพรม

เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว นักวิจัยจากมาโย คลีนิก ได้รายงานผลการศึกษาผู้ป่วยมอร์เจลลอนส์ 108 ราย และพบว่าไม่มีรายใดที่มีอาการป่วยทางร่างกายที่ผิดปกติ ผลการศึกษายังระบุว่า บาดแผยตามร่างกายของผู้ป่วยหลายรายเกิดจากถูกเล็บของตนเองข่วน หรือไม่ก็ดึงผิวหนัง

นอกจากนั้น ผลการศึกษาของซีดีซีในรัฐแคลิฟอร์เนีย ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2006 ถึงมิถุนายน 2008 พบว่าผู้ป่วย 115 ราย ที่มีอาการคล้ายกับโรคมอร์เจลลอนส์ ส่วนใหญ่เป็นสตรีผิวขาววัยกลางคน และอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างๆกัน ที่สอดคล้องกับผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า พบผู้ป่วยเพียง 4 คนในทุก 100,000 คนในสหรัฐฯที่มีอาการเช่นนี้

โดยผลการตรวจเลือด ปัสสาวะ และเนื้อเยื่อ ของผู้ป่วย รวมถึงการตรวจหาเชื้อราหรือแบคทีเรียที่อาจเป็นตัวการ นักวิจัยกลับไม่พบสาเหตุใดๆที่อาจเกี่ยวข้องกับอาการที่ปรากฏ นอกจากนั้น ยังพบว่า สภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยอาศัยอยู่แทบไม่มีสัญญาณบ่งชี้ของต้นเหตุของโรค แม้ว่าจะไม่ได้มีการสำรวจในและบริเวณโดยรอบบ้านของผู้ป่วยทุกรายก็ตาม

และจากการนำเส้นใยปริศนาไปทำการตรวจสอบที่สถาบันพยาธิวิทยากองทัพบก พบว่าไม่มีสิ่งปกติเช่นกัน และพบว่าเส้นใยดังกล่าวมีส่วนประกอบส่วนใหญ่มาจากผ้าคอตตอนและไนลอน ไม่ใช่องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตใดๆ ขณะที่รอยแผลก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และสรุปว่าเกิดจากการแกะเกาของผู้ป่วยเอง

ผลรายงานยังชี้ว่า ผู้ป่วยมีอาการเครียดและกดดันมากกว่าคนปกติ และดูมีความคิดหมกมุ่นอยู่กับอาการเจ็บป่วยทางร่างกายมากเกินไปด้วย แต่ถึงกระนั้นก็พบว่า เกือบทุกรายไม่มีประวัติหรือปัญหาทางจิตที่ผิดปกติแต่อย่างใด และผลพิสูจน์ก็ไม่ได้ให้ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าผู้ป่วยมีอาการอาการหลงผิด

ทั้งนี้ ซีดีซียังไม่มีแผนที่จะทำการศึกษาถึงโรคเช่นนี้เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญได้ตั้งข้อสงสัยเพียงว่าอาจเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง และปัญหาสุขอนามัยที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และนักวิจัยเองก็ไม่มีหลักฐานใดเพื่อชี้ชัดเช่นกัน