สงคราม ญี่ปุ่น – รัสเซีย

สงคราม ญี่ปุ่น – รัสเซีย

ถือได้ว่าเป็นสงครามครั้งแรก ที่ชาวเอเชียสามารถมีชัยเหนือประเทศทางยุโรป ในศตวรรษที่ 20    เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1905 ญี่ปุ่นกับรัสเซียได้ทำสงครามกันทางทะเล เป็นสงครามที่ทำให้โลกต้องตะลึง ถึงความเก่งกาจของประเทศที่มีขนาดพื้นที่เล็กกว่าศัตรูอย่างรัสเซียหลายขุม นัก  และทำให้โลกไม่มีวันลืม ยุทธการที่ชื่อว่า “ซูชิมา” ไปอีกนาน

 

นายพลเรือจัตวา แมทธิว เพอร์รี่

 

 

ญี่ปุ่นยุคใหม่

นับตั้งแต่สหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบ โดยการนำของ นายพลจัตวาแมทธิว เพอร์รี่ เพื่อ ข่มขู่ให้ประเทศญี่ปุ่นยอมทำการค้ากับสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1853 นับจากนั้นเป็นต้นมาถึง ค.ศ. 1904 ญี่ปุ่นได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ญี่ปุ่นในตอนนี้ไม่ใช่หมูในอวย ที่จะยอมให้ประเทศตกวันตก เชือดได้ง่ายๆ อีกแล้ว เนื่องจากในขณะนั้น ญี่ปุ่นปกครองประเทศโดย โชกุน ไม่มีกำลังรบมากพอที่จะต่อกรกับประเทศตะวันตก

 

นับตั้งแต่ญี่ปุ่น ถูกข่มขู่ให้ยอมทำการค้ากับสหรัฐฯ ในเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 1853 เป็นต้นมา ญี่ปุ่นก็เร่งรีบพัฒนาประเทศครั้งใหญ่ เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง จากประเทศตะวันตกในขณะนั้น

 

ในเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 1853 ที่ญี่ปุ่นยอมทำการค้ากับต่างชาติ เพราะถูกข่มขู่นั้น เกือบจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เนื่องจาก กลุ่มคน ที่ไม่เห็น ด้วยต่อการตัดสินใจของโชกุนในขณะนั้น ที่ยอมทำการค้ากับต่างชาติ กับกลุ่มที่สนับสนุนโชกุน แต่ โยชิโนบุ ผู้ดำรงตำแหน่ง โชกุนขณะนั้น ได้หลีกเลี่ยงการทำสงครามกลางเมืองด้วยการยอมมอบอำนาจกการปกครองประเทศกลับ คืนไปให้องค์จักรพรรดิ นับตั้งแต่นั้นมา ญี่ปุ่นจึงเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่นับแต่นั้น อำนาจของโชกุนที่ปกครองญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 700 ปี ได้สิ้นสุดลง

 

จักรพรรดิเมจิ

 

ปี ค.ศ. 1868 นักประวัติศาสตร์เรียกยุคนี้ว่า “ยุคฟื้นฟูเมจิ” เพราะองค์จักรพรรดิเมจิ ได้เร่งรีบพัฒนาประเทศจนมีความเจริญรุ่งเรือง ในด้านต่าง ๆ จนสามารถต่อกรกับประเทศตะวันตกได้ นับจากที่พระองค์ได้รับอำนาจการปกครองประเทศคืนจากโชกุน

 

ในขณะนั้น ญี่ปุ่นต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศด้วยความระมัดระวัง และในขณะเดียวกันก็เร่งพัฒนาเศรษฐกิจและการทหารให้รุดหน้ายิ่งกว่าเก่า เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศชาติไว้

 

ในขณะนั้น ญี่ปุ่นได้มีนโยบายป้องกันประเทศโดยวิธีเข้าไปยึดครองดินแดนรอบๆ ริมฝั่งทะเลของประเทศ เนื่องจากเห็นว่า วิธีนี้เป็นการป้องกันประเทศให้รอดพ้นจากการรุกรานของประเทศมหาอำนาจได้ดี ที่สุด

 

ค.ศ. 1875 ญี่ปุ่นเข้าครอบครองเกาะโอกา ซาวารา กัน โต


ค.ศ. 1879 ญี่ปุ่นได้ผนวก เกาะโอกินาวา มาเป็นดินแดนของตน การกระทำของญี่ปุ่น ได้รับการคัดค้านจากจีน แต่ญี่ปุ่นไม่สนใจ ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังอ้างสิทธิเหนือหมู่ เกาะคูริลและแซคาลิน ซึ่ง เป็นของรัสเซียและสหรัฐ การเข้าครอบครองหมู่เกาะดังกล่าว เป็นเหตุให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย แต่ญี่ปุ่นกับรัสเซียสามารถตกลงกันได้ แต่นั่นก็ได้กลายเป็นปมของสงครามในอนาคตอันใกล้ระหว่าง ญี่ปุ่น – รัสเซีย

 

ในปี ค.ศ. 1895 ญี่ปุ่นทำสงครามกับจีนแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือเกาหลี ทั้งจีนและญี่ปุ่นแข่งขันแย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือเกาหลีเป็นเวลาหลายศตวรรษ แล้ว เนื่องจากประเทศใดที่ได้ครอบครองเกาหลี ย่อมเป็นภัยต่อประเทศของตน สงครามครั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายมีชัย เหนือจีน ความปราชัยในครั้งนี้ทำให้จีนต้องยกเกาะไต้หวัน แมนจูเรียตะวันออก และคาบสมุทรเลียวตุงให้แก่ญี่ปุ่นอีกด้วย  แต่ญี่ปุ่นสัมผัสลางร้ายได้ว่าศัตรูที่น่ากลัวกว่าจีน กำลังคลืบคลานเข้ามา กลืนกินทวีปเอเชียมากยิ่งขึ้น

 

การได้ครอบครองคาบสมุทรเลียวตุง ทำให้มหาอำนาจอย่างรัสเซียเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง รัสเซียจึงร่วมมือกับฝรั่งเศสและเยอรมัน ใช้อำนาจของพวกมากบีบบังคับให้ญี่ปุ่นถอนตัวออกจากคาบสมุทรเลียวตุง

 

เมื่อญี่ปุ่นถอนตัวออกจากเลียวตุงแล้ว รัสเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมัน ก็ได้เข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์

 

ค.ศ. 1898 รัสเซีย เช่า พอร์ต อาเธอร์ (ปัจจุบันเป็นเมืองหนึ่งของ ออสเตรเลีย)  ทำให้ญี่ปุ่นรู้ทันทีว่า สงครามที่ไม่สามารถเลี่ยงได้กำลังก่อตัวขึ้น ญี่ปุ่นจึงได้ตกลงหาทางออกกับรัสเซีย ในการอยู่ร่วมกันในตะวันออก แต่ในขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ได้เตรียมตัวทำสงครามกับรัสเซียไปด้วย

 

การเข้าไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ของมหาอำนาจทั้ง 3 ได้สร้างความไม่พอใจต่อชาวจีนผู้รักชาติเป็นอย่างมาก จึงได้เกิดกบฏนักมวยขึ้น จากการรวมตัวของชาวจีนผู้รักชาติ จนเหตุการณ์เริ่มบานปลาย จนหลายประเทศ (รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมัน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ) ต้องส่งกำลังเข้าไปช่วยรักษาความสงบในกรุงปักกิ่ง

 

แต่หลังจากเหตุการณ์สงบแล้ว รัสเซีย ได้แสดงเจตนารมณ์ อย่างชัดเจนว่าต้องการยึดครองแมนจูเรีย โดยไม่ยอมถอนกำลังทหารออก พร้อมยังเสนอข้อเสนอที่จุดไฟสงครามให้เกิดขึ้น แก่ทั้ง 2 ประเทศ โดยรัสเซียเสนอให้ญี่ปุ่นยกคาบสมุทรเกาหลี ให้เป็นดินแดนกลาง  แต่การเจรจาไม่เป็นผล

 

ในขณะนั้น ญี่ปุ่นมองว่า หากปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไป จะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรัสเซีย ที่ครอบครองแมนจูเรีย และพอร์ต อาเธอร์อยู่ จะยิ่งสร้างความลำบากให้แก่ตน

 

!!! ในที่สุด ปฐมบทแห่งสงครามก็เริ่มต้นขึ้น

 

9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ญี่ปุ่นเปิดฉากโจมตีกองเรือรบของรัสเซีย ภายใต้การนำของ นายพลเรือ โตโก และกองเรือ “มิกกาซ่า” โดยส่งเรือยิงตอร์ปิโด 10 ลำ เข้าโจมตีกองเรือรบของรัสเซีย ที่พอร์ต อาเธอร์ และโจมตีซ้ำอีกในวันต่อมา ทำให้กองเรือรบของรัสเซียเสียหายอย่างหนัก และต้องถอยร่นไป

 

10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1904 ญี่ปุ่นประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ กับรัสเซีย

 

กองเรือรบของรัสเซียที่รอดพ้นจากการถูกกองเรือรบของญี่ปุ่นทำลาย ได้พยายามหนีไปยัง วลาดิวอสต็อก ซึ่ง เป็นฐานที่ตั้งกองเรือรบของรัสเซีย อีกที่หนึ่ง แต่การกระทำในครั้งนี้ กองเรือรบของญี่ปุ่น ซึ่งนำโดย นายพลเรือ โตโก ได้คำนวณไว้ก่อนแล้ว

 

4 สิงหาคม ค.ศ. 1904 กองเรือรบที่ 2 ของญี่ปุ่น ได้ดักรอ กองเรือรบที่หนีรอดจากการถูกทำลายของรัสเซียอยู่ก่อนแล้ว

 

ดูเหมือนว่า ในยกแรก ญี่ปุ่นจะเป็นฝ่ายมีชัย แต่!! รัสเซียยังมีกองเรือรบในบอลติก ที่อยู่ไกลออกไปอีกครึ่งโลก ซึ่งมีกำลังรบเหนือกว่าที่ญี่ปุ่นเจอมาหลายเท่านัก

ยุทธการซูชิมา

การพ่ายแพ้ในยกแรกของกองเรือรบ ที่ พอร์ต อาเธอร์ ได้สร้างความอัปยศให้แก่ มหาอำนาจอย่างรัสเซียเป็นอย่างมาก รัสเซียจึงส่งกองเรือรบจาก บอลติก มาเสริมกำลังที่พอร์ต อาเธอร์ โดยผู้เชี่ยวชาญการรบทางทะเลของรัสเซีย เชื่อว่า กองเรือรบนี้ไม่มีกองเรือรบไหนในโลกสามารถเอาชนะได้

 

9 ตุลาคม ค.ศ. 1904 กองเรือรบที่ไม่มีกองเรือรบไหนสามารถทำลายได้ เคลื่อนตัวออกจากฐานทัพเรือในอ่าวฟินแลนด์ โดยมี นายพลเรือโท ซีนอฟรี ปิโตรวิช โรซห์เดสท์เวนสกี้ เป็นผู้บัญชาการกองเรือรบ แปซิฟิก 2

 

15 ธันวาคม ค.ศ. 1904 กองเรือรบแปซิฟิก 2 ของรัสเซีย ถึง มาดากัสการ์ การเดินทางจากอ่าวฟินแลน์ ถึง มาดากัสการ์ กินเวลานานกว่า 2 เดือน ทำให้ญี่ปุ่นเกือบจะยึดครอง พอร์ต อาเธอร์ ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางบก และทางน้ำ การเดินทางมาของ กองเรือรบแปซิฟิก 2 ของนายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ จึงมุ่งเป้าไปที่การทำลายกองเรือรบของญี่ปุ่น นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ตัดสินใจนำกองเรือรบ มุ่งหน้าไปที่วลาดิวอสต็อก ฐานทัพเรืออีกแห่งของรัสเซีย

 

2 มกราคม ค.ศ. 1905 กำลังทางบกของญี่ปุ่นเข้ายึดครอง พอร์ต อาเธอร์

 

ในขณะที่ กองเรือรบแปซิฟิก 2 กำลังเตรียมความพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยัง วลาดิวอสต็อก ได้มีคำสั่ง จากกองบัญชาการของรัสเซีย ถึง นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ให้หยุดรอกองเรือรบแปซิฟิก 3 ซึ่งมีนายพลเรือเนโบกาตอฟ เป็น ผู้บัญชาการ แต่ นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ไม่เห็นด้วย เนื่องจาก กองเรือรบแปซิฟิก 3 มีแต่เรือรบรุ่นเก่า จะทำให้เป็นอุปสรรคในการรบ และการหยุดรอ กองเรือรบแปซิฟิก 3 จะทำให้หน่วยข่าวของญี่ปุ่น ล่วงรู้ถึงการมา แต่ นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ปฎิเสธไม่ได้ จึงต้องหยุดรอการเดินทางมาของกองเรือรบแปซิฟิก 3 การหยุดรอกองเรือรบแปซิฟิก 3 นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

 

มีนาคม ค.ศ. 1905 นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ นำกองเรือรบออกจากมาดากัสการ์

 

!!!! การรบก้องโลกของมหาอำนาจหน้าใหม่ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

 

27 พฤษภาคม ค.ศ. 1905 กองเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่น พบ กองเรือรบของรัสเซีย

หลังจากที่กองกำลังทางบกของญี่ปุ่นสามารถยึดครอง พอร์ต อาเธอร์ ได้แล้ว นายพลเรือ โตโก จึงนำกองเรือรบ มิกกาซ่า กลับญี่ปุ่น เพื่อซ่อมบำรุง เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ ศึกที่จะกำหนด ว่าประเทศใดจะเป็นผู้ปราชัยในสงครามครั้งนี้ ระหว่าง ญี่ปุ่น ประเทศที่หากย้อนไปเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ประเทศนี้ไม่กล้าแม้เพียงจะขัดใจชาติตะวันตก กับ รัสเซีย ชาติมหาอำนาจ ที่ทุกประเทศให้ความยำเกรง ประเทศที่มีอาณาเขตพื้นที่ถึง 1 ใน 7 ของโลก นายพลเรือ โตโก ได้ส่งเรือลาดตระเวนคอยสอดแนมอยู่ในบริเวณช่องแคบซูชิมาตลอดเวลา  เพราะนายพลเรือโตโก คาดการณ์ว่าหาก นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ต้องการนำกองเรือรบ ไปยัง วลาดิวอสต็อก กองเรือรบของรัสเซีย ต้องผ่านมายังช่องแคบแห่งนี้ เพราะการใช้เส้นทางอื่นมีความอันตรายมาก

 

เหตุการณ์เป็นไปดังที่โตโกคาดการณ์ไว้ เช้ามืดของวันที่ 27 กองเรือลาดตระเวนของญี่ปุ่น พบกองเรือรบของรัสเซีย ขณะนั้น เรือมิกกาซ่า ของนายพลเรือ โตโก จอดทอดสมออยู่ที่ อ่าวมาซัมโป หลังจากที่ นายพลเรือ โตโก ได้รับข่าวจากเรือลาดตระเวนแล้ว นายพลเรือโตโก ได้สั่งให้ทหารทุกคนเตรียมความพร้อมที่จะทำการรบกับกองเรือรบรัสเซียในทันที แล้วนำเรือมิกกาซ่า มุ่งหน้าไปยังช่องแคบซูชิมา หวังทำลายกองเรือรบอันเกรียงไกรของรัสเซีย

 

เช้ามืดของวันที่ 27 พฤษภาคม นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ วางแผนที่จะอาศัย หมอกหนาทึบ ของเช้ามืดในวันนั้น พากองเรือรบ ที่ประกอบไปด้วย กองเรือรบแปซิฟิก 2 และ กองเรือรบแปซิฟิก 3  จำนวน 52 ลำ ผ่านช่องแคบ ซูชิมา โดยที่ศัตรูไม่ทันสังเกตเห็น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่เป็นไปดังที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเรือรบรุ่นเก่าลำหนึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ถูกศัตรูพบ การรบทางทะเลจึงไม่อาจเลี่ยงได้ ต้องเปิดฉากรบกันในทันที

พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ

 

กองเรือรบของรัสเซียเปิดฉากยิง เรือลาดตระเวนของญี่ปุ่น 4 ลำที่ไล่ตามมา เป็นเหตุให้ เรือลาดตระเวนของญี่ปุ่นทั้ง 4 ลำต้องหลบออกจากเส้นทางการยิงของกองเรือรบรัสเซีย ทำให้ทหารของรัสเซียมีกำลังใจ นำเหล้าออกมาดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน เนื่องจากตรงกับวันครบการขึ้นครองราชย์ของ พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 พอดี

 

หลังจากที่กองเรือรบของญี่ปุ่น ซึ่งนำโดย นายพลเรือโตโก เดินทางมาถึงยังจุดที่ กองเรือรบของรัสเซียอยู่แล้ว เรือรบทุกลำของญี่ปุ่น ได้แล่นเข้าประชิดกองเรือรบของรัสเซีย โดยจัดรูปขบวนเป็นรูปตัว U เพื่อโอบล้อมกองเรือรบของรัสเซีย

 

กระสุนปืนนัดแรก ถูกส่งออกมาจากปากกระบอกปืนของ กองเรือรบรัสเซียก่อน

 

ช่วง 15 นาทีแรก กองเรือรบรัสเซีย ระดมยิง กองเรือรบของญี่ปุ่นอย่างหนัก ทำให้ เรือ 3 ลำ ของญี่ปุ่นเสียหายอย่างหนัก แต่หลังจากที่เรือรบลำสุดท้ายของญี่ปุ่นแปลขบวนเป็นรูปตัว U ได้สำเร็จ เรือรบของญี่ปุ่น เปิดฉากยิงพร้อมกันทั้งหมด และสิ่งที่ นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ไม่คาดคิด ก็คือผลลัพธ์จากการกระทำของกองเรือรบญี่ปุ่นครั้งนี้ ทำให้กองเรือรบรัสเซียเสียหายอย่างหนัก รวมถึง นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ เองด้วย นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้บาดเจ็บสาหัส จึงไม่สามารถสั่งการรบได้ และถูกเศษกระสุนที่ศีรษะในเวลาต่อมา

 

ทหารรัสเซียจึงตัดสินใจนำผู้บัญชาการรบที่กำลังบาดเจ็บสาหัสและลูกเรือ ทั้งหมดที่เหลือหนีไปกับเรือบูอินี หลังจากนั้นไม่นาน เรือธงชูโวรอฟก็ถูกจมลงสู่ใต้ท้องทะเล ปิดฉากกองเรือรบอันเกรียงไกร

 

เช้าวันที่ 28 พฤษภาคม  กองเรือรบของรัสเซียที่เหลือรอดจากการถูกทำลายกำลังมุ่งหน้าไปยังวลาดิวอ สต็อก นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ถูกย้ายไปยังเรือเมโดไวอิ

 

เวลา 15.00 น. ของวันที่ 28 พฤษภาคม เรือเมโดไวอิ ถูกญี่ปุ่นเข้ายึดเรือ นายพล โรซห์เดสท์เวนสกี้ ถูกนำตัวไปรักษาที่ญี่ปุ่น

 

!!!  สงคราม ญี่ปุ่น – รัสเซีย ได้สิ้นสุดแล้ว  แต่สงครามการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง ไม่มีวันสิ้นสุด

 

การปราชัยครั้งนี้ มีเพียงเรือรบรัสเซียเพียง 2 ลำ ที่หนีไปถึงวลาดิวอสต็อก ญี่ปุ่นสูญเสียทหารเรือ 117 คน รัสเซียสูญเสียทหารเรือ 4,830 คน และถูกจับเป็นเชลยอีก 6,000 คน

Credit: บ้านจอมยุทธ
25 ม.ค. 55 เวลา 11:00 23,779 10 230
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...