จะทำอย่างไรถ้า iPhone ตัวโปรดตกน้ำหรือเกิดความชื้น ?
อยู่ ๆ ก็เกิดคำถามขึ้นในหัวว่า ถ้า iPhone ตัวโปรดของเราเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดนน้ำหรือตกน้ำขึ้นมาเราจะทำอย่างไรดี ? และไม่เฉพาะแค่ iPhone เท่านั้น อุปกรณ์เครื่องเล่นมีเดียและเครื่องมือสื่อสารแบบพกพาอย่าง iPad และ iPod ก็มีโอกาสที่จะเจอะเจอกับปัญหาลักษณะนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นเรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันดีกว่าว่าถ้าเกิดเหตุลักษณะนี้จะแก้ปัญหากันอย่างไร กับคำแนะนำทุกขั้นตอนโดยเว็บไซต์ iTAllNews.com ที่ได้เตรียมคำตอบพร้อมกับวีดีโอขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเมื่อ iPhone ตกน้ำหรือมีความชื้นเกิดขึ้น ให้กับเหล่าสาวก Apple ทั้งมือใหม่และมือเก่าได้แก้ไขปัญหาได้อย่างถูกวิธี
สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวป่าหรือเที่ยวชมทะเลหมอก, เดินป่า, พายเรือ จะต้องเดินทางไปในที่ ที่มีละอองน้ำหรือมีน้ำค้างเยอะ ๆ แล้วพกพา iPhone ตัวโปรดไปถ่ายภาพเก็บบรรยากาศ อาจทำให้ iPhone ของเราเกิดความเสี่ยงที่จะได้รับความชื้นได้ เพราะถ้าหากเกิดแถบความชื้นของ iPhone, iPad และ iPod ขึ้นเป็นแถบสีแดงขึ้นมาล่ะก็ ปัญหาใหญ่กำลังตามมาแน่นอน เพราะทางศูนย์จะไม่รับประกันใด ๆ มิหนำซ้ำยังอาจจะหลุดประกันได้อีกด้วย ซึ่งก็จะทำให้เราเสีย iPhone ไปฟรี ๆ หนึ่งเครื่อง ดังนั้นก่อนที่จะสายเกินแก้ไข เรามารู้จักกับวิธีการดูแถบความชื้นและตรวจสอบความชื้นกันดีกว่าครับ
วิธีตรวจสอบความชื้นและวัดความชื้น iPhone
สำหรับวิธีการตรวจสอบใช้ได้กับ iPhone 4, iPhone 4s (iPhone 3GS, iPad วิธีดูคล้ายกัน) iPhone จะมีระบบมาตรฐานการตรวจจับความชื้น หากเกินค่าที่ Apple กำหนด ก็จะถือว่า iPhone เครื่องนั้นชื้นและจะหมดประกันทันที ก่อนซื้อ iPhone เราควรตรวจสอบ iPhone โดยตรวจสอบทั้งหมด 2 จุดคือ
1. ช่องเสียบหูฟัง
2. ช่องเสียบสายชาร์ตแบต
วิธีการตรวจสอบความชื้น
ให้นำแว่นขยายมาส่องเพื่อตรวจสอบดูตรงช่องเสียบหูฟัง และ ช่องเสียบแบตตรงกลาง ( ตามด้านบนภาพ ) หากพบว่ามี สีแดง ก็แสดงว่าเครื่องเกิดอาการชื้น หรือเคยชื้นมาก่อน วิธีนี้อาจจะดูค่อนข้างยากนิดหน่อย และเพื่อให้ง่ายขึ้นเราอาจจะใช้ไฟฉายส่องดูจะช่วยให้เรามองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น แน่นอนว่าหากเครื่องเกิดความชื้น สิ่งที่ตามมาก็คือ Apple จะไม่รับประกันอาการชื้นของเครื่่องไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น
จะทำอย่างไรเมื่อ iPhone ตกน้ำ ?
ตัวอย่างจากคลิปวีดีโอ จะทำอย่างไรเมื่อ iPhone ตกน้ำ สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ ตั้งสติ อย่าตกใจหลังจากนั้นให้ทำตามวิธีการ 3 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. หยิบ iPhone ขึ้นมาจากน้ำ จากนั้นให้กดปุ่ม Power On/Off เพื่อปิดการทำงานของ iPhone (iPad และ iPod ก็ทำแบบเดียวกัน)
2. เมื่อปิดเครื่องเรียบร้อยแล้ว ให้ถอดซิมการ์ดออกจากเครื่อง (กรณีที่เป็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ก็ให้ถอดแบตเตอรี่ออกด้วย)
3. จับ iPhone ลงถุงหรือถังข้าวสาร จากนั้นทิ้งไว้ 2-3 วัน (ข้าวสารจะดูดความชื้นให้หายไปจนหมด) แล้วทดลองเปิดเครื่องดู ว่าทำงานปกติหรือไม่
หากใช้วิธีการดังกล่าวแล้วยังไม่ได้ผล iPhone ตัวโปรดก็ยังไม่สามารถคืนชีพกลับมาได้ ทางออกสุดท้ายก็คือ ต้องนำเครื่องส่งศูนย์ โดยทาง Apple จะมีเงื่อนไขการรับประกันอยู่ว่า การเสียหายที่เกิดจากผู้ใช้งาน แม้ว่าจะอยู่นอกเหนือประกันของทาง Apple แต่ทาง Apple ก็มีการช่วยเหลือกรณีเครื่องเสียจากอุบัติเหตุ รวมถึงการตกน้ำเช่นกัน วิธีการก็คือ ให้นำเครื่องมาแลกซื้อเครื่องใหม่ที่เป็นเครื่องเคลม Model LL เช่นเดียวกับที่เคลมให้กับเครื่องที่มีปัญหาจากการใช้งานปกติ ในราคาขายรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ 8,800 บาท โดยมีประกันเครื่องให้ใช้ตามระยะเวลาที่เหลือ เช่น หากเครื่องเหลือประกันหกเดือน การซื้อเครื่องเคลม เครื่องเคลมนั้น ก็จะรับประกันหกเดือนเท่านั้น
เหตุการณ์โทรศัพท์ตกน้ำหรือได้รับความชื้นนั้น วิธีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กับ iPhone เพียงอย่างเดียว แต่สามารถใช้กับโทรศัพท์ยี่ห้ออื่น ๆ เป็นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นและสามารถทำได้ด้วยตัวเอง หากเราเจอเหตุการณ์แบบนี้กับโทรศัพท์ยี่ห้ออื่น ๆ สิ่งที่ควรทำก็คือปิดเครื่อง ถอดซิมการ์ด, การ์ดหน่วยความจำ และอย่าลืมสิ่งสำคัญคือถอดแบตเตอรี่ออก แล้วนำไปแช่ถังข้าวสาร หากทำตามวิธีนี้แล้วโทรศัพท์ยังสามารถใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ 100% ก็ให้ส่งร้านซ่อมมือถือเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป