สุดสลด! พบโลมาท้องแก่ถูกฆ่าชำแหละเนื้อขาย

สุดสลด พบโลมา 2 ตัวถูกชำแหละเนื้อเหลือแต่กระดูก ตัวหนึ่งท้องแก่พลอยทำให้ลูกตายไปด้วย กลุ่มอนุรักษ์ฯ ชี้น่าจะเป็นเพราะแรงงานกัมพูชานิยมบริโภค ระบุนับเป็นครั้งแรกที่พบการชำแหละเนื้อโลมาไปขาย เร่งรายงานกรมอุทยานฯ หาทางป้องกันก่อนสูญไปจากอ่าวไทย

           เมื่อวันที่ 17 มกราคมนี้ นายจินดา ธรรมชาติ สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ ต.ไม้รูด อ.คลองใหญ่ จ.ตราด พบหนังและหัวโลมาลอยมาติดชายหาดไม้รูด บ้านไม้รูด จึงแจ้งให้นายกฤตพาส ศรีแสงขจร แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ฯ ไปตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงพบเศษหนังโลมาอีกจำนวนหนึ่ง จึงเก็บใส่ถุงดำไว้ ขณะเดียวกันพบวัตถุลอยเข้ามายังชายฝั่งในระยะ 100-150 เมตร จึงนำเรือไฟเบอร์ออกไป พบซากโลมาอีก 1 ตัวในสภาพที่สุดสลด โดยโลมาตัวดังกล่าวถูกชำแหละเนื้อออกทั้งหมด เหลือเพียงกระดูกสันหลัง กระดูกซี่โครง และลำไส้ โดยช่วงคอถูกหั่นเป็นรอยรอบ จึงนำเชือกลากซากโลมามาทำการตรวจสอบที่คลองไม้รูด ระหว่างนำมาพบว่าลูกโลมาที่อยู่ในท้องโลมาได้ทะลักออกมาจากรก มีขนาดประมาณ 60-80 ซม. สภาพตัวยังใสเห็นเส้นเลือด อวัยวะสมบูรณ์ทุกอย่าง

           ระหว่างเกิดเหตุ คณะวิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตะวันออก ที่มีนายชลาทิพ จันทร์ชมพู เป็นหัวหน้าชุด ร่วมกับนักวิจัยจากมาเลเซียและสหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างสำรวจจำนวนโลมาอิรวดีในพื้นที่อ่าวตราด และบริเวณปากน้ำครางครืน จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา ในเบื้องต้นพบว่ามีโลมาอิรวดีอาศัยอยู่กว่า 1,000 ตัว มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย

           นายกฤตภาส กล่าวว่า การที่โลมาอิรวดีถูกชำแหละเนื้อทั้ง 2 ตัว โดยเฉพาะอีก 1 ตัวเป็นโลมาที่ตั้งท้องและมีลูกใกล้คลอด เป็นเรื่องที่สุดสลด ซึ่งไม่เคยพบเห็นบ่อยนักที่จะมีการล่าโลมาและชำแหละเนื้อขาย ปกติจะพบเพียงโลมาเสียชีวิตจากการติดเครื่องมือทำประมง แต่ครั้งนี้เป็นการพบครั้งแรกที่โลมาถูกชำแหละเนื้อขาย โดยที่ผ่านมามีการพบเนื้อโลมาในตลาดเทศบาล ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และการทำอาหารโดยใช้เนื้อโลมาจากแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาเท่านั้น รวมทั้งในตลาดท่าพริก ต.ท่าพริก อ.เมืองฯ จ.ตราด

           "ผมและกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้เคยรณรงค์ให้ชาวประมงในไม้รูดและในพื้นที่ใกล้เคียงช่วยดูแลและรักษาโลมาไว้ อีกทั้งเนื้อโลมาก็ไม่ควรนำมาบริโภค เพราะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ชาวกัมพูชามักนิยมบริโภคเนื้อโลมา ซึ่งอาจจะมีการชำแหละเนื้อขายซึ่งต้องตรวจสอบ ผมได้รายงานเรื่องนี้ไปยังหัวหน้าศูนย์ฯ ที่ จ.ระยอง ซึ่งจะนำเรื่องเข้าสู่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยด่วน เนื่องจากหากมีขบวนการล่าโลมาขึ้นจะทำให้ชีวิตโลมาในพื้นที่ไม้รูดและแหลมกลัดอยู่ในภาวะอันตราย" นายกฤตภาสกล่าว