The Nibiru theory (ทฤษฎีดาวนิบิรุ)

        มีคนเล่าว่า มีดาวฤกษ์ดวงหนึ่งชื่อดาวนิบิรุ ซึ่งหากโคจรเข้ามาใกล้วงโคจรของระบบสุริยะ จะสร้างความปั่นป่วนให้ดาวเคราะห์ต่างๆ ในระบบรวมถึงโลก และจะโคจรเข้ามาใกล้โลในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 ซึ่งจะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์ โลก และดาวนิบิรุมาอยู่ในระนาบเดียวกันพอดี ผลที่ตามมาคือจะสร้างความปั่นป่วนให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า น้ำจะขึ้นสูงมากจนกลายเป็นสึนามิขนาดใหญ่ เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงและภูเขาไฟระเบิด ดวงอาทิตย์จะแผ่คลื่นรังสีมากขึ้นจนถึงระดับอันตรายต่อมนุษย์บนโลก

ความจริง ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าดาวนิบิรุมีอยู่จริง ไม่เคยมีนักดาราศาสตร์คนไหนมีหลักฐานว่าค้นพบ นาซ่าก็ไม่เคยพูดถึงดาวนิบิรุ คนที่พูดถึงดาวนิบิรุคนแรกคือนักเขียนนิยายแนว sci-fi ต่างหาก แต่ก็ยังมีคนเชื่อว่าดาวนิบิรุมีจริงแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ (เอ๊ะ ยังไง) แต่ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะบนโลกนี้มีนักดาราศาสตร์ทั้งที่เป็นนักดาราศาสตร์มืออาชีพและมือสมัคร เล่นอยู่จำนวนมาก ถ้าดาวดวงนี้มีจริงๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนค้นพบแน่นอน

Mayan calendar (ปฏิทินมายา)

        หลายคนคงรู้จักปฏิทินมายาของชาวมายันกันเป็นอย่างดี เพราะแทบจะเป็นต้นกำเนิดของคำกล่าวที่ว่าโลกจะแตกในปี 2012 โดยปฏิทินชาวมายันนี้ยึดตามระบบดวงดาวและว่ากันว่ามีความเที่ยงตรงมาก โดยตามปฏิทินกล่าวว่าในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 จะเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติครั้งยิ่งใหญ่กับระบบสุริยะ จะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งร้ายแรง ผู้คนจึงเชื่อกันว่า 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 อาจจะเป็นวันสิ้นโลก

ความจริง ปฏิทินในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นปฏิทินโบราณหรือทันสมัย ไม่มีปฏิทินใดสามารถทำนายหรือคาดการณ์เหตุการณ์บนโลกนี้ได้ ปฏิทินจะดำเนินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึง 31 ธันวาคม จากนั้นก็จะวนมาเริ่มที่ 1 มกราคาใหม่เหมือนเดิม ส่วนนาฬิกาจะเริ่มวันใหม่ที่ 0.00 นาฬิกาจนถึง 23.59 นาฬิกา จากนั้นก็จะวนกลับมาที่ 0.00 นาฬิกาเหมือนเดิม แต่โลกของเรามีแต่หมุนไปเรื่อยๆ ไม่มีการวนกลับมาใหม่ ดังนั้นจึงไม่สามารถนำปฏิทินหรือนาฬิกามาเทียบกับโลกได้ (อืม น่าคิดมากๆ)

Nostradamus (นอสตราดามุส)

       นอ สตราดามุสเป็นโหราจารย์ชื่อดัง มีชีวิตอยู่เมื่อประมาณเกือบ 500 ปีก่อน เขามีชื่อเสียงในการทำนายสิ่งต่างๆ ได้แม่นยำ เช่น การสวรรคตของพระเจ้าอังรีที่ 2 ที่ 3 และ ที่ 4 ของฝรั่งเศส  พยากรณ์การเกิดของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พยากรณ์การเกิดธรรมชาติวิปริตของปรากฏการณ์เอลนิโญและลานีญา นอกจากนี้ เขายังทำนายไว้ว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ในช่วงปี 2010-2014 มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ทำให้ผู้คนเป็นมะเร็งล้มตายกันเป็นจำนวนมาก

ความจริง ไม่มีหลักฐานยืนยัน 100% ว่านอสตราดามุสทำนายเหตุการณ์อะไรได้แม่นยำ เพราะทุกอย่างที่เขาทำนายมาจากจินตนาการและการอุปมา นอกจากนี้ ว่ากันว่าจริงๆ แล้วนอสตราดามุสทำนายอนาคตไปจนถึงปีค.ศ.3797 ดังนั้นที่ว่าโลกจะสิ้นสุดในปี 2012 จึงเป็นไปไม่ได้

2012 Film (ภาพยนตร์เรื่อง 2012)

        เรียกได้ว่าภาพยนตร์นี้ทำให้คนกว่าค่อนโลกรับรู้และแอบหวาดระแวงกับเรื่อง ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2012 ซึ่งอาจจะเป็นลางหรือการเตือนชาวโลกผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้

ความจริง ไม่มีเหตุผลอะไรไปมากกว่าเรื่องของธุรกิจภาพยนตร์และการตลาด โดยปกติแล้ว หากนำ "ความกลัว" ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งของมนุษย์มาสร้างเป็นภาพยนตร์ มักจะเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพราะเหตุผลทางธุรกิจและความบันเทิงล้วนๆ

Earth's rotation (การหมุนของโลก)

         มีคนเชื่อว่า ตำแหน่งของดาวเคราะห์ในทางช้างเผือก  อาจทำให้วงโคจรของโลกพลิกกลับ  ขั้วโลกเหนือกลายเป็นขั้วโลกใต้ สนามแม่เหล็กจะถูกทำลาย ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็กและรังสีร้ายแรงมายังโลก น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว น้ำท่วมโลกฉับพลัน

 ความจริง การพลิกกลับของวงโคจรโลกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์และไม่มีทางเกิดขึ้น โลกของเราเปรียบเสมือนลูกบาสเกตบอลที่หมุนอยู่บนนิ้ว และจะหมุนไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมีใครมาทำให้หยุด (ประมาณว่าถ้าโลกจะแตกจริงๆ ก็น่าจะเพราะมีอะไรมาชนแรงๆ จนหยุดหมุนมากว่า) ส่วนขั้วสนามแม่เหล็กของโลกนั้น จริงๆ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกๆ 4 แสนปี แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งใช้เวลาเป็นพันๆ ปี นั่นหมายถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ จึงไม่มีผลกระทบใดๆ ที่ร้ายแรง

        เอาล่ะ ว่าแล้วก็มาโหวตกันที่โพลข้างล่างหน่อย ว่าน้องๆ เชื่อเรื่องนี้หรือไม่ ?? ส่วนตัว ไมเคิล ไม่ เชื่อมากกว่าเชื่อล่ะ แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ถ้าจะแตกจริงๆ รบกวนช่วยเตือนล่วงหน้าซัก 2-3 วัน จะได้บอกลาคนรอบข้างและอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่

เครดิต : http://www.dek-d.com/content/studyabroad/27175/ไขความลับ-2012-โลกจะแตกหรือไม่แตกกันแน่-.php

โดย : ไมเคิล