พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ช้างเผือกเชือกแรกของรัชกาลที่ 9
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ...ช้างเผือกเชือกแรกของรัชกาลที่ 9
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชโรงช้างต้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2547 ทรงพระราชทานอ้อยแก่ พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระราชวังไกลกังวล หัวหิน โดยเคลื่อนย้ายคุณพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม พ.ศ.2547
พระเศวตอดุลยเดชพาหลฯ
ด้านหน้าโรงช้างต้น ณ วังไกลกังวล
ประจำ สำนักพระราชวัง
"...ช้าง เผือกเป็นราชพาหนะคู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์ มีฐานะเทียบเท่าเจ้านายชั้นเจ้าฟ้า ดังจะเห็นได้จากพระกรรม์ภิรมย์ คือฉัตร ๕ ชั้น ทำด้วยผ้าขาวลงยันต์ มี ๓ องค์ด้วยกัน คือ พระเสนาธิปัต พระฉัตรชัย และพระเกาวพ่าห์ เป็นเครื่องสูงที่ใช้กางเชิญนำพระราชยานเวลาเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุห ยาตรา และใช้พระกรรม์ภิรมย์สวมถุงเข้ากระบวนพระอิสริยยศแห่นำเสด็จพระราชวงศ์ชั้น เจ้าฟ้าในพระราชพิธีโสกันต์ เป็นต้น ในพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญก็ใช้พระกรรม์ภิรมย์สวมถุงแห่นำเช่น เดียวกัน นอกจากนี้ยังเห็นได้จากที่พราหมณ์อ่านคำฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้างและกาพย์ ขับไม้ ซึ่งถือว่าเป็นของสูงจะมีเฉพาะพระราชพิธีสำคัญ ๆ ได้แก่ การสมโภชพระมหาเศวตฉัตรและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ในพระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญ และพระราชพิธีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เป็นพิเศษ เช่น คำฉันท์ดุษฎีสังเวยและกาพย์ขับไม้สมโภชพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เนื่องในพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๐๐ ปี เป็นต้น..."
"พระเศวต อดุลยเดชพาหนฯ" ซึ่งเป็นช้างสำคัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดง ได้รับพระราชทานนามเต็มว่า "พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนามนาคบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกทลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาต สยามราษฎรสวัสดิประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้า ๚"
สำหรับพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เป็นช้างพลายเผือกโท เกิดในป่าเขตจังหวัดกระบี่ เมื่อปี 2494 ถูกคล้องได้ที่ บ้านหนองจูด ตำบลดินอุดม อำเภอลำทับ เมื่อปี 2499 โดยนายแปลก ฟุ้งเฟื่อง และนายปลื้ม สุทธิเกิด(หมอเฒ่า) เป็นลูกช้างติดแม่อยู่ในโขลงช้างป่า พร้อมกับช้างอื่นๆ อีก 5 เชือกคือ พังสาคร พลายทอง พังเพียร พังวิไล และพังน้อย โดยในตอนนั้น พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ได้ชื่อว่า "พลายแก้ว" มีความสูง 1.60 เมตร เมื่อพระราชวังเมือง (ปุ้ย คชาชีวะ)ได้ตรวจสอบคชลักษณ์ แล้วพบว่าเป็นช้างสำคัญ จึงนำมาเลี้ยงไว้ที่สวนสัตว์ดุสิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2500
ต่อมา พล.ต.บัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ได้นำขึ้นทูลเกล้าถวาย เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2501 เพื่อประกอบพิธีขึ้นระวางเป็นช้างต้น และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้กำหนดพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างเผือกประจำรัชกาล ณ โรงช้างต้น พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2502 เป็นปีที่ 13 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์ดุสิต และมีอาการดุร้ายมากขึ้น จนควาญช้างควบคุมไม่ได้ จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา จนกระทั่ง สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนารถ มีพระราชเสาวณีย์ โปรดเกล้าฯให้นำพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เข้าไปยืนโรงในโรงช้างต้น ภายในพระราชวังสวนจิตรลดา เมื่อ พ.ศ. 2519
การนำพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ไปยังโรงในโรงช้างต้น พระราชวังสวนจิตรลดา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้บันทึกคอลัมน์ ข้าวไกลนา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2519 ไว้ว่า
"...ในขณะที่นำคุณพระจากสวนสัตว์ดุสิตไปยังสวนจิตรลดา ซึ่งเพียงแต่มีถนนคั่นอยู่สายเดียวนั้น คุณพระก็อาละวาดอย่างหนัก ไม่ยอมออกเดิน เอางวงยึดต้นไม้จนต้นไม้ล้ม จนแทบจะหมดปัญญาเจ้าหน้าที่ กว่าจะนำคุณพระจากเขาดินไปถึงประตูสวนจิตรลดา ซึ่งมองเห็นกันแค่นั้น ก็กินเวลาหลายชั่วโมง ต้องใช้คนเป็นจำนวนมากถือปลายเชือกที่ผูกไว้กับขาคุณพระทั้งสี่ขา คอยลากคอยดึง และดูเหมือนจะต้องใช้รถแทรกเตอร์เข้าช่วยขนาบข้าง เสี่ยงอันตรายกันมากอยู่ แต่ในที่สุดก็นำคุณพระไปยังประตูพระราชวังได้
พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา.."
ปัจจุบัน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น พระราชวังไกลกังวล หัวหิน โดยเคลื่อนย้ายคุณพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เมื่อวันที่ 17-18 มีนาคม 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชโรงช้างต้น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2547