ถุงยางอนามัยดูเร็กส์เผยผลสำรวจ พบว่า ชายไทย นอกใจคนรักมาเป็นอันดับ 1 ของโลก ตามมาด้วยหญิงไทยที่รั้งอันดับ 2 ในขณะที่สิงคโปร์ มีเปอร์เซ็นต์การนอกใจคนรักต่ำที่สุด
เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดเผยผลสำรวจจากถุงยางอนามันดูเร็กซ์ ถึงประเทศที่มีคนนอกใจคนรักเยอะที่สุดในโลก โดยทำการสำรวจผู้ชายและผู้หญิงกว่า 29,000 คน ใน 36 ประเทศ ปรากฎว่า
สถิติของชาติที่มีการนอกใจคนรักมากที่สุดนั้น ตกเป็นของประเทศไทย ซึ่งรั้งอันดับที่ 1 ในประเภทชายและอันดับ 2 ในประเภทหญิง
ทั้งนี้ ผลสำรวจเปิดเผยว่า ผู้ชายไทยนั้น ยอมรับว่าเคยนอกใจคนรักของตนสูงถึง 54 เปอร์เซ็นต์
ตามมาด้วยอันดับสอง คือ ประเทศเกาหลีใต้ ที่ผู้ชายยอมรับว่าเคยนอกใจคนรักถึง 34 เปอร์เซ็นต์
ส่วนอันดับที่ 3 คือ ประเทศมาเลเซีย ที่มีสถิติสูสีกับอันดับ 2 คือ 33 เปอร์เซ็นต์
ส่วนอันดับ 4 และอันดับ 5 คือ ประเทศรัสเซีย และฮ่องกง ที่ผู้ชายมีสถิตินอกใจผู้หญิงกว่า 32 และ 29 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ
ทาง ด้านฝ่ายหญิงนั้น ถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ ได้เปิดเผยผลสำรวจว่า ผู้หญิงไนจีเรียมีสถิตินอกใจคนรักมากที่สุด โดยมีสถิติสูงถึง 62 เปอร์เซ็นต์
ตามมาด้วยอันดับ 2 คือประเทศไทย 59 เปอร์เซ็นต์!!!
ส่วนอันดับ 3 นั้น ตกเป็นของผู้หญิงมาเลเซีย ที่ยอมรับว่าเคยนอกใจคนรักตัวเองกว่า 39 เปอร์เซ็นต์
ส่วนอันดับที่ 4 และ 5 นั้น ตกเป็นของประเทศรัสเซียที่ 33 เปอร์เซ็นต์ และประเทศสิงคโปร์ ที่มีสถิตินอกใจคนรัก 19 เปอร์เซ็นต์
คนไทย โดยเฉพาะผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคมอ่านรายงานผลการสำรวจของดูเร็กซ์แล้วไม่อยาก จะเชื่อ ว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยยุคปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยมีขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมที่สวยงานมาต่อเนื่องยาวนานนับร้อยๆปี
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยในทุกวันนี้?!?
ซึ่งคำถามที่สังคมควรตระหนักไม่ใช่เพียงแค่ว่า เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยเท่านั้น แต่ยังจำเป็นที่จะต้อง
มีคำถามตามมาอีกด้วยว่า แล้วจะร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้อย่างไร?
หรือจะเห็นว่าเป็นสถิติที่น่าภาคภูมิที่ควรสงวนรักษาไว้ว่าคนไทยเราไม่มีความซื่อสัตย์ต่อการครองคู่
ทั้งๆที่นั่นคือพื้นฐานของครอบครัว
เพราะในสังคมตะวันตก ช่วงเวลาที่เป็นวัยรุ่นอาจจะมีสไตล์การใช้ชีวิตที่อิสระเสรี แต่ก็อยู่บนพื้นฐานที่ว่าเป็นการเลือกหรือการแสวงหาคนที่จะมาเป็นคู่ครอง
แต่จะสังเกตุเห็นว่าแม้แต่ชาติตะวันตกเอง เมื่อมีคู่ครองมีการตกลงปลงใจแต่งงานอยู่กินกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว พฤติกรรมนอกใจกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องต้องห้ามที่สังคมรับไม่ได้
คนดังหลายๆคนที่พฤติกรรมนอกใจ ยังกลายเป็นดาวร่วง ตกอันดับหรือถูกแบนจากประชาชน ได้รับผลกระทบในเชิงลบต่ออาชีพหรือธุรกิจกันเลยด้วยซ้ำ
อย่างกรณีนักกอล์ฟดังระดับโลก ไทเกอร์ วู้ด หลังถูกขุดคุ้ยว่ามีพฤติกรรมนอกใจภรรยา อาชีพนักกอล์ฟก็เกือบแทบจะจบสิ้นไปเลย เพราะไม่เพียงต้องหยุดเล่นกอล์ฟในทัวร์นาเมนท์สำคัญๆระดับโลก
แม้แต่การเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้าแบรนด์ดัง ที่เคยทำรายได้ให้ไทเกอร์ วู้ดเป็นระดับร้อยล้านบาท ก็ยังถูกถอดในทันที
เพราะแม้ประเทศสหรัฐอเมริกาจะเป็นดินแดนเสรีภาพที่ขึ้นชื่อ แต่เรื่องของการนอกใจคนรักก็ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
ยิ่งหากเป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างที่สุด!!
ในสังคมไทยแต่โบราณ ถึงขนาดเอาตัวละครดังอย่าง วันทอง โมรา กากี มาใช้ในการกล่าวประณามหรือเรียกบรรดาผู้หญิงสองใจทั้งหลาย
หรือที่ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือท่านมุ้ย นำเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับ ท้าวศรีสุดาจันทร์ มาสร้างเป็นภาพยนตร์เพื่อเตือนใจเพื่อสอนใจ
ซึ่งในอดีตหากผู้หญิงคนใดถูกเรียกเป็นนางวันทอง หรือเป็นกากีแล้วจะรู้สึกเจ็บแสบและอับอายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นผลสำรวจของดูเร็กซ์ จึงเป็นอะไรที่สวนทางกับวัฒนธรรมที่สวยงามของไทยในอดีตหรือไม่??
หากสวนทางแล้ว ควรที่จะต้องเร่งแก้ไข โดยความร่วมมือจากทุกๆฝ่ายในสังคมมิใช่หรือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสตรีทั้งหลายนั่นเอง
สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ บรรดาองค์กรสิทธิสตรีต่างๆควรที่จะต้องตื่นตัวเร่งพิจารณากันโดยเร่งด่วน
เพราะสังคมส่วนใหญ่กำลังมีคำถามว่า ที่ผ่านมาบทบาทของสภาสตรีแห่งชาติฯได้มีการดูแลในเรื่องพฤติกรรมของสังคม ผู้หญิงไทยยุคปัจจุบันหรือไม่ ที่สำคัญเมื่อเห็นรายงานผลสำรวจของทางดูเร็กซ์เช่นนี้แล้ว ได้คิดจะดำเนินการอะไรบ้างหรือไม่
หรือข่าวที่ปรากฏไปทั่วโลกชิ้นนี้ ทำให้องค์กรทางด้านสตรีของไทยอาย และไม่ต้องการที่จะพูดถึง จึงทำให้ดูเหมือนว่าทุกอย่างเงียบไปหมด
ไม่มีการออกมาแสดงจุดยืนที่จะเรียกร้อง หรือรณรงค์ให้ผู้หญิงไทยไม่ยอมรับพฤติกรรมนอกใจคนรัก!!
ปรากฏการณ์ของสังคมไทยในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของสาวสก๊อยที่อยู่กับเด็กซิ่งเด็กแว้น แล้วยอมพลีกายแม้แต่กระทั่งการเป็น “ของรางวัล”ในการแข่งขัน หรือเรื่องพฤติกรรม วัน ไนท์ สแตนท์ ที่
สามารถมีความสัมพันธ์ทางกายกันได้ในชั่วข้ามคืน จบแล้วก็ต่างคนต่างไป
ก็เป็นเรื่องที่มีอยู่จริง และบรรดาหญิงนักเที่ยวนักท่องราตรียอมรับว่ามี รวมทั้งดาราสาวบางคนในแวดวงบันเทิงเมืองไทย ยังให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าไม่แคร์กับพฤติกรรมวัน ไนท์ สแตนท์
ยังไม่นับพฤติกรรมการล่า หรือการนับสกอร์สะสมแต้ม ในการมีสัมพันธ์กับผู้ชาย โดยเฉพาะกับศิลปินดัง หรือคนในแวดวงบันเทิง
ซึ่งแน่นอนว่ากับพฤติกรรมดังกล่าวที่กำลังเกิดขึ้นจริงในสังคมไทย ได้ทำให้บรรดาพ่อแม่ที่มีลูกสาว พากันเครียดและกังวล
ดังนั้นการที่มีผลสำรวจของดูเร็กซ์ออกมาเช่นนี้ จึงน่าที่จะเป็นจุดเปลี่ยนให้องค์กรสตรีต่างๆ รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตื่นตัวและออกมาต่อสู้ในเรื่องนี้เพื่อสังคมไทย
โดยเฉพาะนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถือเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย เป้นผู้นำที่เป็นสตรี จึงน่าที่จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาดำเนินการแก้ไขปัญหา และวางรากซานที่ดีงามให้กับสังคมโดยด่วน
ในฐานะผู้หญิงไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ยิ่งจำเป็นต้องเร่งจี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขเยียวยาในเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด
อาทิ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีพันธกิจหลัก ในเรื่องการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยภายใน การอำนวยความเป็นธรรม ส่งเสริม พัฒนา และบูรณาการการบริหารจัดการด้านโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ สังคม
ขณะนี้ในเมื่อสังคมกำลังมีบาดแผลร้าย ซ้ำยังติดเชื้อที่สามารถแพร่ขยายลุกลามไปได้เรื่อยๆ จึงยิ่งจำเป็นที่จะต้องเยียวยาแก้ไขให้สังคมกลับมามีความสงบเรียบร้อย มีวัฒนธรรมขนมธรรมเนียมและประเพณีที่ดีงาม
ในอดีตที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยเองก็เคยมีการเข้มงวด เคยมีการเข้ามาช่วยดูแลจัดระเบียบสังคม จนทำให้มีเรื่องของการกำหนดโซนพื้นที่สำหรับธุรกิจล่อแหลมหรือยั่วยุ หรือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางเพศ
มีการกำหนดเวลาของธุรกิจกลางคืน มีการตรวจสอบเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงอย่างเข้มข้นว่าอายุถึงหรือไม่ และเข้าไปในสถานที่ที่เหมาะสมหรือไม่เพียงใด และที่สำคัญมีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่
เพราะยาเสพติดก็คือประตูก้าวแรกที่นำไปสู่การเสียตัวของเด็กผู้หญิงนั่นเอง
ในสหรัฐอเมริกาที่ว่ามีเสรีภาพ ก็ยังมีการจำกัดเคอร์ฟิวส์ในการเที่ยวกลางคืนของเด็ผู้หญิง ว่าห้ามออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม
ฉะนั้นมาถึงวันี้ กระทรวงมหาดไทยจะต้องกลับมามีบทบาท และควรที่จะต้องรื้อฟื้นเรื่องการจัดระเบียบสังคมขึ้นมาทำอย่างจริงๆจังๆ ดำเนินการอย่างบูรณาการโดยมีชื่อเสียงของประเทศชาติ ของผู้หญิงไทยเป็นเดิมพัน
ที่สำคัญจะทำแบบไฟไฟม้ฟางเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้
สถานที่แหล่งบันเทิงต่างๆ ต้องมีการจัดระเบียบทั้งในเรื่องของโซนนิ่ง และเรื่องของเคอร์ฟิวส์
เพราะ ต้องไม่ลืมว่าสถานที่ประเภท ผับ บาร์ แหล่งเที่ยวกลางคืน เป็นเหมือนสิ่งเร้าที่จะก่อให้เกิดพฤติกรรมในเรื่อง SEX ที่ง่ายขึ้นกว่าสภาวะปกติ
เมื่อมีแอลกอฮอล์ มีการฟุ้งเฟ้อระเริง มีแสงสีเสียงเย้ายวน การเคลิบเคล้มไปกับบรรยากาศ กระทั่งสุดท้ายจบลงด้วยการมี SEX ด้วยการเสียตัวของผู้หญิงก็จะเกิดขึ้น และกลายเป็นสถิติที่ย้อนกลับมาประจานสังคมไทยเองในที่สุด
งานนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข้อมูลเชิงลึกอยู่แล้ว ก็ควรที่จะต้องลงมากำกับหน่วยงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้กวดขันเข้มงวดดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นข่าวครึกโครมขึ้นมาว่า มีการออกใบอนุญาตให้เปิดสถานอาบอบนวด ฝั่งตรงข้ามถนนกับโรงเรียน
การอ้างกฎว่าห่าง 150 เมตร เป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ เพราะแค่เดินข้ามสะพานลอยไปเท่านั้นเด็กไทย เยาวชนไทยทั้งชายและหญิงก็จะได้เห็นกับสิ่งเร้าวสิ่งยั่วยุแล้ว
ฉะนั้นนอกจากต้องตัดไฟในเรื่องนี้แล้ว ยังต้องล้มคอกเพื่อสังคมไทยที่งดงามด้วย
เช่นเดียวกับกระทรวงศึกษาธิการ ที่เจ้ากระทรวงอย่างนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ที่จะต้องให้บรรดาโรงเรียนต่างออกมาโวยวายให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสถาน บันเทิงที่อยู่ใกล้สถานศึกษา แล้วทางกระทรวงจะต้องเป็นผู้ดำเนินการคัดค้านหรือฟ้องร้องต่อสู้ในเรื่อง เหล่านี้
ขณะเดียวกันต้องสร้างหลักสูตรในการเสริมสร้างในเรื่องขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมไทย เพื่อปลูกฝังสิ่งที่ถูกต้องดีงามให้กับเยาวชน
แต่หลักใหญ่ที่ต้องเป็นหัวเรือนำร่องในเรื่องนี้ ต้องเป็นนางสาวยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิง กับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องเร่งออกมาจัดระเบียบสังคมโดยเร็วที่สุด
ซึ่งหากว่านายยงยุทธสามารถทำในเรื่องนี้ได้โดยเร่งด่วน จะถือเป็นผลงานสำคัญที่โกยคะแนนนิยมได้อย่างแน่นอน และจะทำให้เสียงครหาที่ว่าไม่มีผลงาน หรือผลงานน้อย ก็จะหมดไปได้อย่างแน่นอน
ดูเร็กซ์แฉซะขนาดนี้แล้ว มหาดไทยจำเป็นต้องชักธงรบแล้ว