รู้เท่าทันสื่อ ตอนนี้ทุกคนก็คงตอบคำถามที่สองได้แล้วว่า
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
ทุกวันนี้สื่อมีความสำคัญแค่ไหน? แล้วจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้เท่าทัน? แล้วเราจะรู้เท่าทันได้อย่างไร? แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากการรู้เท่าทันนี้? แล้วดิฉันจะเขียนอย่างไร
ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ อินเตอร์เน็ต เคเบิ้ล และแม้กระทั่งมือถือ จากงานวิจัยชิ้นนึงพบว่า ท่ามกลางครัวเรือนไทย 96% ที่มี โทรทัศน์ ร้อยละ 71 ของข่าวสารทางโทรทัศน์และวิทยุ เป็น "ข่าวร้าย" หรือ เรื่องที่ชวนให้รู้สึกหมดหนทางต่อสู้ (helplessness - invoking) ในขณะที่ "ข่าวดี"หรือเรื่องที่ชวนให้มีความหวังมีเพียงร้อยละ 12 เช่นกันกับที่ "โครงการ วิจัยระยะยาวในเด็กไทย" โดย พญ. จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ พบว่าหรือ แม้กระทั่งตัวเราเองตอบได้มั้ยว่า “เรากำลังเสพสื่อ หรือมีชีวิตอยู่ให้สื่อเสพ”โดยเฉพาะเหล่านักแสดง ดารานักร้อง ที่ได้รับความนิยมหรือนายแบบนางแบบหน้าตาหล่อ ๆ สวย ๆ ที่เห็นแล้วทำให้อยากมีหน้าตาอย่างนั้นบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่โฆษณาจะนำบุคคลเหล่านี้มาเป็นพรีเซนเตอร์ยิ่งประกอบ ด้วยบริบทของเนื้อเรื่องที่ใช้แล้วมีเสน่ห์ ใช้แล้วมีคนมาชอบก็ยิ่งโดนใจ เพราะการเป็นที่สนใจจากบุคคลอื่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนวัยนี้โหยหา จึงไม่น่าแปลกหากยอดขายจะขึ้นตามคุณภาพของโฆษณา แทนที่จะขึ้นตามคุณภาพของสินค้า ผลที่ตาม มาคือ เราจะเอาเป็นเอาตายกับทุกสิ่งบนโลกนี้ มากกว่าจะมองเห็นความสวยงามแบบไม่สมบูรณ์แบบ ของโลกใบนี้ ตามความเป็นจริงผลที่ตามมาคือ เราจะรู้สึกสับสนทั้งด้านอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยลืมไปว่าเราก็เป็นเรา
แล้วจะดีแต่ไหนถ้าเด็ก ๆ ที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เค้าได้เรียนรู้และรู้เท่าทันสื่อ ไปพร้อมๆ กับคุณ
Credit:
ที่นี่ดอดคอม