นายจำนง แก้วชะฎา รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงสภาพอากาศของประเทศไทยในช่วงก่อนปีใหม่ว่า เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเฉียงเหนือมีอากาศหนาวเกือบทั่วไป และมีอากาศหนาวจัดบางพื้นที่โดยเฉพาะตอนบนของภาค ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกจะมีอุณหภูมิลดลงส่งผลให้มีอากาศหนาวบางพื้นที่ สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูรวมทั้งบริเวณเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางช่วง

“ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ยาวไปจนถึงเทศกาลปีใหม่ อุณหภูมิในทุกภูมิภาคจะลดลงประมาณ 2-3 องศาเซลเซียสในบางพื้นที่ ส่งผลให้ภาคเหนือตอนบนไม่รวมพื้นที่ยอดดอยจะมีอุณหภูมิต่อสุดเฉลี่ย 13-15 องศาเซลเซียส ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 14-16 องศาเซลเซียส ภาคกลางและภาคตะวันออก มีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 18-21 องศาเซลเซียส กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20 – 22 องศาเซลเซียส ซึ่งพื้นที่ใดที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส 3 วันติดต่อกัน ทางจังหวัดจะประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินภัยหนาวทันที” รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมอุตุฯ กล่าว

ด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวว่า อิทธิพลจากมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นกว่าปีที่แล้ว ไม่เพียงภาคเหนือหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่หลายพื้นที่ในภาคกลางและภาคตะวันออกก็สามารถรับรู้ถึงความหนาวเย็นได้ เช่น จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดราชบุรี ที่ถูกประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยหนาวร่วมกับอีก 18 จังหวัดทั่วประเทศไปแล้ว

“ผมอยากให้ประชาชนคอยติดตามข่าวสารเรื่องอุณหภูมิของแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ถูกคาดการณ์ว่าทั่วประเทศจะมีอุณหภูมิลดลง ส่งผลให้อาจมีพื้นที่ประสบภัยหนาวมากเพิ่มขึ้น ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง และนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือน ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในช่วงฤดูหนาว เช่น ไม่ดื่มสุราแก้หนาว ไม่ผิงไฟในที่อับอากาศหรือเต็นท์ ไม่นอนในที่โล่งแจ้ง โดยไม่มีสิ่งปกคลุมร่างกาย ไม่ให้เด็กเข้าใกล้ควันไฟหรือห่มผ้าห่มศีรษะมิดชิดเกินไป และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ซึ่งทุกข้อล้วนเป็นอันตรายถึงชีวิต” อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าว.