ระทึก!ยิงร่วง“ยูเอวี”บินสอดแนมน่านฟ้าไทย

เมื่อวันนี้ (22 ธ.ค.) เวลา 11.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ บริเวณเขตปลอดทหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านพื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร เชิงปราสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ทหารหน่วยเฉพาะกิจเขาพระวิหาร 1 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ตรวจสอบจากเรดาห์ พบว่ามีเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ สีเหลือง ไม่ทราบสัญชาติ บินผ่านเหนือน่านฟ้าไทย ในพื้นที่บริเวณ ต.กระแซง อ.กันทรลักษ์

ทั้งนี้ทหารฝ่ายความมั่นคงไทย ไม่สามารถติดต่อเครื่องบินลำดังกล่าว ทางเครื่องมือสื่อสารสากลได้ อีกทั้งเครื่องบินปริศนาได้บินเข้ามาในเขตชุมชน มุ่งหน้าผ่านน่านฟ้าตัว อ.กันทรลักษ์ เหนือค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต ของหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 23 กองกำลังสุรนารี และกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 ห่างเพียง 2 กม.เท่านั้น คาดว่ามีพฤติการณ์มุ่งร้าย จึงสั่งการให้พลปืนต่อสู้อากาศยาน เข้าประจำการและใช้ปืน ปตอ.ไทป์ 59 ขนาด 57 มม. ยิงสกัดทันที

ปรากฏว่ากระสุนเข้าเป้าหมาย ถูกเครื่องบินลำดังกล่าวระเบิดไฟลุกไหม้กลางอากาศ เหนือน่านฟ้าหมู่ 5 บ้านระโยง ต.กระแซง ห่างจากศาลหลักเมือง ใน อ.กันทรลักษ์ 1 กม. จากนั้นเครื่องบินได้เสียการทรงตัว หมุนควงสว่านดิ่งลงสู่พื้นดินก่อนเกิดระเบิดอีกครั้ง ที่บริเวณเหนือน่านฟ้าหมู่ 7 บ้านหัวดง ต.เสาธงชัย โดยตัวเครื่องได้ถูกแรงระเบิดฉีกเป็นชิ้นๆ กระเด็นกระจัดกระจาย ตกในพื้นที่ 2 ตำบล คือ ต.เสาธงชัย และ ต.บึงมะลู

นายศรีวิชัย บัวทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 218 หมู่ที่ 5 บ้านระโยง ต.กระแซง เปิดเผยด้วยอาการยังไม่หายตกใจว่า ตนได้ยินเสียงระเบิดบนท้องฟ้า ดังสนั่นเหนือหลังคาบ้าน จนหลังคาสังกะสีสั่นสะเทือนอย่างแรง พอแหงนหน้าไปมองบนท้องฟ้า พบว่าเครื่องบินถูกไฟลุกไหม้กลางอากาศ มีกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเป็นทางยาว ก่อนที่เครื่องบินจะหมุนควงสว่านมุ่งหน้าไปทางปราสาทพระวิหาร และเกิดระเบิดดังขึ้นอีก 3 ครั้ง ก่อนที่จะตกลงสู่พื้นดิน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดผวาเป็นอย่างมาก

พ.ต.ท.เปียว ทองแก้ว สว.สส.สภ.บึงมะลู กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย ว่ามีวัตถุปริศนาตกจากท้องฟ้า ในหลายหมู่บ้าน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่ามีเศษแผ่นเหล็กสีเหลือง ลักษณะคล้ายชิ้นส่วนของเครื่องบิน ตกในหลายหมู่บ้าน จำนวนกว่า 20 ชิ้น ตกที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา โชคดีที่ไม่ตกถูกตัวอาคารเรียน จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ชาวบ้านภูมิซรอลหลายคน ก็เกิดอาการหวาดผวา เกรงว่าจะเกิดการปะทะในพื้นที่บริเวณชายแดนอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้กำลังตำรวจได้ลงพื้นที่สร้างความอุ่นใจให้กับชาวบ้านแล้ว

ขณะเดียวกัน ทหารสรรพาวุธและทหารการข่าว จากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้เดินทางมาเก็บเศษชิ้นส่วน ของเครื่องบินทั้งหมด นำไปเก็บรักษาไว้ที่ฝ่ายความมั่นคง หน่วยเฉพาะกิจเขาพระวิหาร 1 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อย่างเร่งด่วน และไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ โดยอ้างว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพ ได้กำชับกำลังพลทุกนาย ห้ามให้ข้อมูลใด ๆ กับสื่อมวลชนอย่างเด็ดขาด

แหล่งข่าวทางทหารระดับสูง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน ว่าเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับลำดังกล่าว สัญชาติใด เบื้องต้นพบว่าเป็นอากาศยานไร้คนขับ หรือศัพท์ในวงการทหารเรียกว่า “ยูเอวี” หมายเลขเครื่อง เอฟ7ซีอี37-4-4บี21 ซึ่งโดยปกติแล้วเครื่องบินชนิดนี้ หากไม่ขับเคลื่อนโดยการควบคุมจากรีโมทระยะไกล ก็ต้องบินด้วยโปรแกรมอัตโนมัติเท่านั้น บินได้ในระยะความสูงจากพื้นดิน 18,000 ฟุต พิสัย 160 กม.

ทั้งนี้เครื่องบินสอดแนม จะทำงานด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า ติดตั้งกล้องสเปคตรัมภาพ อินฟราเรด หรือสิ่งที่คล้ายอินฟราเรดเช่นเดียวกับเรดาร์ มีภารกิจทำหน้าที่สอดแนม และภารกิจโจมตีเป้าหมาย ส่วนใหญ่สังกัดหน่วยข่าวกรอง ของกองทัพต่างๆ อย่างไรก็ตาม ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่า อากาศยานลำดังกล่าว เป็นของหน่วยงานใด และประเทศไหน ถูกส่งมาเพื่อภารกิจใด.

22 ธ.ค. 54 เวลา 22:45 7,902 12 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...