สตรีวัยรุ่นปากีสถานรายหนึ่ง เล่าเหตุการณ์อันน่าสยองกรณีถูกสามีเฉือนจมูกและริมฝีปากออก พร้อมขู่ฆ่าตัวตายจนกว่าตำรวจจะนำตัวผัวตัวร้ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
คดีอันน่าสยดสยองนี้ย้ำให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมรุนแรงที่ผู้หญิงบาง ส่วนในปากีสถานยังต้องเผชิญ หลังจากพระราชบัญญัติความรุนแรงภายในครอบครัวที่นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ในปี 2009 ถูกตีตกไปในวาระของวุฒิสภาหลังถูกคัดต้านจากเหล่าพรรคการเมืองฝักใฝ่ศาสนา ทั้งหลาย
ซัลมา ไบไบ วัย 17 ปีเล่าว่าสามีของเธอนายกูลาม กาดีร์ อายุ 22 ปี ทำร้ายทุขตี จากนั้นก็ใช้เชือกมัดมือและเท้า ก่อนลงใช้มีดโกนเฉือนจูมกและริมฝีปาก ณ หมู่บ้านห่างไกลแห่งหนึ่งในแคว้นบาลูจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ
"เขาตบหน้าฉันหลายครั้ง จากนั้นก็เข้าไปยังห้องและกลับออกมาพร้อมกับมีดโกนที่คมมาก" เธอบอกกับเอเอฟพี ขณะเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเมืองมุลตาน "ฉันเริ่มตะโกนด้วยความกลัว เขาใช้เชือกมัดมือและเท้าฉัน และลงมือเฉือนจมูกและริมฝีปาก"
หญิงสาวรายนี้เล่าต่อว่าด้วยที่ครอบครัวของเธอพยายามแจ้งความแต่กลับ ถูกตำรวจปฏิเสธ ดังนั้นเธอจึงขอประกาศจะฆ่าตัวตายหากว่าผู้เป็นสามีไม่ถูกนำตัวเข้าสู่ กระบวนการยุติธรรม
"ฉันต้องการความยุติธรรม แต่ถ้าฉันไม่ได้รับมัน ฉันก็จะฆ่าตัวตายต่อหน่าศาลฎีกา ฉันคงมิอาจอยู่อย่างสงบได้จนกว่าสามีจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และถูกลงโทษในความผิดที่เขากระทำ" เธอบอก
กูลามและซัลมา แต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วและอยู่กินในหมู่บ้านการ์กานะ ห่างจากกรุงอิสลามาบัดไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 475 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยืนยันว่าพวกเขากำลังตามล่านายกูลามและจับกุมตัว เขาให้ได้ หลังจากนายกรัฐมนตรียูซุฟ ราซา กิลานี แสดงความกังวลต่อคดีนี้
ทั้งนี้แม้นายกรัฐมนตรีรายนี้ต้องการเห็นความจริงจังของเจ้าหน้าที่ แต่หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อผู้หญิงในปากีสถาน มักจบลงด้วยการที่ผู้กระทำผิดไม่ได้ถูกลงโทษ
กลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายแห่งบอกว่าผู้หญิงปากีสถานต้องเผชิญกับการ เลือกปฏิบัติอย่างมากและความรุนแรงภายในครอบครัวอย่างกว้างขวาง ในจำนวนนั้นรวมไปถึงยโศโฆษาฆาต(honour killing) การฆ่าเหยื่อเพื่อรักษาเกียรติยศของครอบครัว