ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพยายามเอาจริงเอาจังกับการกวาดล้างยาเสพติดที่กำลังแพร่ระบายอย่างหนักอีกครั้ง
โดยการนำทีมของ 'บิ๊กอ๊อบ'พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.
แต่ก็ยังไม่วายมียาเสพติดที่แอบเล็ด ลอดเข้ามาในหลายพื้นที่
จนบางครั้งผลที่ตามมาอาจทำให้ประ ชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องรับเคราะห์ และได้รับผลกระทบไปด้วย
เช่นเดียวกับ 2 เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ที่พ่อบังเกิดเกล้าเสพติดยาบ้าจนงอมแงม
บวกกับความเครียดจากสภาวะในครอบครัวที่บีบคั้น จนก่อให้เกิดเป็นความคลุ้มคลั่ง
ก่อนบทสรุปของเรื่องจะจบลงด้วยความสูญเสียที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้
เหตุ เศร้าสลดแรกเกิดขึ้นช่วงเช้าของวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะ นายอำพล อายุ 31 ปี หนุ่มชาวระยอง กำลังเดินทางออกจากบ้านไปกรีดยางพาราที่สวนเหมือนเช่นทุกวัน
แต่พอกรีดยางแล้วเสร็จ นายอำพลกลับแวะไปซื้อยาบ้าจากเอเยนต์ในละแวก ใกล้เคียงมารวม 4 เม็ด ก่อนเดินทางกลับบ้านพัก เพื่อนอนพักผ่อน
หลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้าน นายอำพลก็ไม่รอรีรีบนำยาบ้าที่ซื้อออกมาเสพรวดเดียว 4 เม็ด จนเกิดอาการมึนเมา
ก่อนหันไปมอง ด.ช.โอ๋ (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ บุตรชายที่เกิดจากภรรยาเก่าที่เลิกรากันไป
จากนั้นนายอำพลจึงเกิดการระแวงและเครียด เพราะเกรงว่าภรรยาจะกลับมาเอาบุตรชายไปเลี้ยงแล้วอาจไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีก
จน กลายเป็นความหงุดหงิดและคลุ้มคลั่ง ก่อนเดินเข้าไปในครัวและคว้ามีดออกมา จากนั้นจึงใช้มีดกระหน่ำแทงบริเวณลำตัวของบุตรชายอย่างไม่ยั้งมือ
ก่อนหนูน้อยจะสิ้นใจคามีดแล้วลงไปนอนจมกอง เลือด
หลัง จากเริ่มหมดฤทธิ์ยาที่ครอบงำสติอยู่ นายอำพลถึงกับเข่าทรุดและลงไปนั่งกอดศพบุตรชาย ก่อนที่ญาติจะเข้ามาพบเห็นแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวก แดงมาจับกุม
โดยนายอำพลก็ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่แต่โดยดี
ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์แล้วมายืนมุงดู พร้อมคำสาปแช่งต่างๆ นานา
จากนั้นญาติจึงนำร่างที่ไร้วิญญาณของเด็กไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ส่วน อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ภายหลัง นางวิภาวรรณ อายุ 30 ปี อุ้มร่างอันบอบ ช้ำของ ด.ญ.แพท(นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ บุตรสาว เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง
หลังจากถูกนายสุรชัย อายุ 30 ปี พ่อแท้ๆ ของน้องแพททำร้ายร่างกาย
เมื่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบรายละเอียดของเหตุการณ์ในเบื้องต้น จึงนำกำลังเข้าจับกุมนายสุรชัยที่ยังอยู่ในอาการมึนเมายาบ้า ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่
จากการสอบสวนนางวิภาวรรณเล่าถึงเหตุเศร้าสลดครั้งนี้ว่า
"ดิฉัน กับนายสุรชัยแต่งงานแล้วอยู่กินด้วยกันมาประมาณ 5 ปี ก่อนที่จะมีน้องแพทออกมา แต่หลังจากนั้นนายสุรชัยก็ไม่ยอมทำงาน มัวแต่ซื้อยาบ้ามาเสพจนติดงอมแงม โดยจะขอเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพวันละ 1-2 เม็ด"
ส่วนตนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ภายในซอยกรอกยายชา ต.เนินพระ ทำให้ทุกวันต้องทิ้งน้องแพทให้อยู่กับนายสุรชัยเพียงลำพัง
โดยทุกครั้งที่นายสุรชัยเสพยาบ้าจนมึนเมาก็จะชอบทำร้ายร่างกายน้องแพทอยู่เป็นประจำ
จนกระทั่งล่าสุดนายสุรชัยทำร้ายร่าง กายอย่างรุนแรง ทั้งทุบเข้าบริเวณศีรษะและลำตัว จนใบหน้าเขียวและลำตัวบวมช้ำ
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ตนเลิกงานและกลับมาพบเหตุการณ์พอดี จึงพยายามเข้าไปห้ามปราม แต่นายสุรชัย ก็ไม่ยอมฟัง
จึงตัดสินใจพาน้องแพทเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุรชัย เพราะเกรงว่าจะทำร้ายร่างกายตนและบุตรสาวอีก
ส่วน นายสุรชัยให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่ามักจะเสพยาบ้าอยู่เป็นประจำและทำร้ายน้องแพททุกครั้ง เนื่องจากบุตรสาวชอบซุกซน จึงรำคาญและโมโห จึงใช้มือตบเข้าที่ศีรษะ ใบหน้าและหยิกตามลำตัวน้องแพท เพื่อให้หยุดดื้อ
เป็นอุทาหรณ์สำหรับทาสยานรก ที่เมื่อเสพติดแล้วเป็นอันตรายกับทั้งตัวเองและคนรอบข้า