10 คดีอาชญากรรมสุดช็อกโลกของปี 2011

10 คดีอาชญากรรมสุดช็อกโลกของปี 2011

   
 


 


เรียบเรียง ข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก historyguy.com, media.salon.com, redroom.com, spokesman.com, cbsnewyork.files.wordpress.com, sol.sapo.pt, emcblue.com, chinasmack.com


           ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ตลอดทั้งปี 2011 ที่ผ่านมานี้ โลกของเราได้มีคดีอาชญากรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ที่สำคัญไปกว่านั้น บางอาชญากรรมไม่เพียงเป็นคดีที่สร้างความเศร้าสะเทือนใจต่อผู้ที่อยู่ใน เหตุการณ์เท่านั้น แต่ยังสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้เองทางเว็บไซต์ time.com จึงได้คัด เอา 10 คดีอาชญากรรมสุดช็อกโลกของปี 2011 มาให้คุณผู้อ่านทุก ๆ ท่านได้ทราบกัน ซึ่งทั้ง 10 คดีอาชญากรรมนั้น ก็คือ....

 



แอนเดอร์ส เบรวิก


1. การสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่งในนอร์เวย์

           หากจะกล่าวถึงคดีอาชญากรรมที่ร้ายแรงและช็อกโลกมากที่สุดในปีนี้ เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลาย ๆ ท่านจะต้องจำกันได้กับการวางระเบิดกลางกรุงออสโล และการสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่งในนอร์เวย์ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากถึง 93 ราย โดยอาชญากรช็อกโลกคนนั้นก็คือ นายแอนเดอร์ส เบรวิก (Anders Breivik) หนุ่มนอร์เวย์ขวาจัดที่คลั่งแนวคิดต่อต้านอิสลามและคนต่างด้าว

           ทั้งนี้ เขาได้เผยแพร่ "คำประกาศเจตนา" ที่หนากว่า 1,500 หน้า ซึ่งมีเนื้อหาต่อต้านอิสลามด้วยวิธีการต่าง ๆ ทั้ง การวางแผน, การทำระเบิด และปรัชญาความรุนแรงก่อนที่เขาจะลงมือก่อเหตุอีกด้วย

           ด้านทนายความของ นายแอนเดอร์ส เบรวิก ได้ออกมาบอกว่าลูกความของตนเองมีพฤติกรรมแบบ "คนวิกลจริต" และสาเหตุที่ได้กระทำการอันโหดเหี้ยมไปนั้น เป็นไปเพราะความจำเป็นด้านเหตุผลในการต่อต้านอิสลามเท่านั้น งานนี้เลยทำให้ตัวเขาเองต้องไปนอนหัวรุนแรงต่อในคุก ด้วยโทษจำคุก 21 ปี ซึ่งเป็นโทษความผิดที่ชาวนอร์เวย์รวมถึงคนอื่น ๆ ทั่วโลกต่างไม่เห็นด้วยที่เขาได้รับโทษเพียงแค่นั้น โดยหลาย ๆ คนมองว่าโทษที่เขาได้รับนั้นน้อยเกินไป เขาไม่สมควรจะได้มีชีวิตต่อไป โทษของเขาอย่างน้อยที่สุดควรได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

 



เจอร์รี่ แซนดัสกี้



2. โค้ชวัยดึกกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กหนุ่มมานานกว่า 15 ปี

           กลายเป็นประเด็นอันโด่งดังไปทั่วสหรัฐฯ เมื่อ เจอร์รี่ แซนดัสกี้ (Jerry Sandusky) วัย 67 ปี อดีตโค้ชอเมริกันฟุตบอลของทีมมหาวิทยาลัยเพนน์ สเตท (Penn State University) ซึ่งสร้างชื่อให้กับทีมด้วยการพาทีมคว้าชัยมามากมาย จนเป็นทีมในอันดับต้น ๆ ของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลในระดับมหาวิทยาลัย ถูกจับกุมด้วยข้อหาล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหนุ่มมานานกว่า 15 ปีเต็ม

           โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อ นายแซนดัสกี้ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ด้วยการบังคับให้เด็กผู้ชายคนหนึ่งร่วมเพศกับเขา แถมการร่วมเพศนั้นไม่เกิดขึ้นครั้งเดียวด้วย หากแต่เกิดขึ้นอย่างเนื่องมานานกว่า 15 ปีนับตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ.1996 จนกระทั่ง ฝ่ายเหยื่อทนถูกกระทำไม่ไหว ต้องออกมาแฉถึงเบื้องหลังพฤติกรรมแย่ ๆ ของโค้ชที่หลาย ๆ คนนับหน้าถือตากันให้สังคมได้รับรู้ซะหน่อย

            ในตอนแรกนั้น นายแซนดัสกี้ ก็ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด แต่ทว่า หลังจากที่มีการสืบสาวราวเรื่องและรวมรวมหลักฐานต่าง ๆ ก็ทำให้เขาดิ้นไม่หลุดและถูกส่งตัวเขาซังเตด้วยความผิดต่าง ๆ นานากว่า 40 กระทง พร้อมกับโดนปรับเงินไปอีก 100,000 ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราว ๆ 3,000,000 บาทอีกด้วย

 



เคซี่ แอนโธนี่
 


3. คดีเด็ก 2 ขวบหายตัวลึกลับ และการฆาตกรรมที่คาดไม่ถึง

           เหตุการณ์นี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา โดยนางซินดี แอนโธนี ยายของหนูน้อยเคย์ลี แอนโธนี่ ได้แจ้งความว่าหลานสาววัย 2 ขวบของเธอหายตัวไป จากนั้น 6 เดือนให้หลัง ก็มีคนพบร่างที่เหลือแต่โครงกระดูกของเด็กคนนี้อยู่ในป่าห่างจากละแวกบ้าน ไม่ไกลนัก นี่เองจึงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้น จนกระทั่งสืบสาวราวเรื่องไปมา ก็มีการดำเนินคดีกับ นางเคซี่ แอนโธนี่ (Casey Anthony) แม่ของหนูน้อยเคย์ลีที่เสียชีวิต

           จากการสืบสวนนั้นระบุว่า นางเคซี่ มีความผิดเมื่อได้ใช้เทปกาวปิดหน้าปิดตาลูกสาวของตัวเองจนเสียชีวิต เนื่องจากการมีลูกทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาได้เต็มที่เหมือนแต่ ก่อน ประกอบกับคำให้การก่อนหน้านี้ที่เธอบอกเจ้าหน้าที่ว่าลูกสาวของเธอโดนลักพา ตัวไป ก่อนที่ทีมทนายจะกลับคำให้การในชั้นศาลว่า หนูน้อยเคย์ลีประสบอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต นี่เองเลยทำให้ศาลต้องมีคำพิพากษาให้จำคุกนางเคซี่ เป็นเวลานานเกือบ ๆ 3 ปีเลยทีเดียว

           มาในวันนี้ นางเคซี่ ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแล้ว หลังจากที่ศาลมีความเห็นว่าเธอไม่มีความผิดฐานฆาตกรรม แต่ยังคงมีความผิดฐานให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่เหลืออยู่อีก 4 กระทง งานนี้เธอเลยรอดจากโทษความผิดที่เหลือและโทษหนักที่เธออาจจะได้รับถ้ามีความ ผิดจริง ๆ อย่างโทษประหารชีวิตนั่นเอง

 



แกเบรียล กิฟฟอร์ดส์
 


4. เหตุยิงกราดใส่ฝูงชนเพื่อลอบสังหาร ส.ส.หญิงแอริโซน่า

           สร้างความตื่นตระหนกตกใจกับชาวอเมริกันมาก ๆ สำหรับเหตุการณ์ในรัฐแอริโซน่า ที่มีนายจาเร็ด เลาห์เนอร์ มือปืนวัย 22 ปี ยิงปืนกราดใส่ฝูงชน โดยที่มีเป้าหมายสำคัญคือการเอาชีวิตของ นางแกเบรียล กิฟฟอร์ดส์ (Gabrielle Giffords) สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ จากรัฐแอริโซนา ที่เดินทางมาพบปะประชาชนในเขตเลือกตั้งเมืองทูซอน โดยนางกิฟฟอร์ดส์ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะอาการสาหัสเอาการเลยด้วย

           ทั้งนี้ จากการที่เจ้าหน้าที่ตามสืบหาแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ก็ทำให้ได้ทราบ ว่า มีความเป็นไปได้ว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายเลาห์เนอร์นั้น น่าจะเกิดจากอาการทางจิตรวมถึงความเกี่ยวโยงกัน กับกลุ่มออนไลน์ที่จัดตั้งเพื่อกลุ่มนิยมผิวขาวและกลุ่มใช้ถ้อยคำต่อต้านคน ต่างด้าว

           อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้ นางกิฟฟอร์ดส์ พ้นขีดอันตรายแล้ว และมีอาการที่ดีขึ้นมากแล้วด้วย โดยเธอสามารถขยับแขน-ขาทั้งสองข้าง รวมถึงลืมตามองสิ่งต่าง ๆ และแสดงอากัปกิริยาตอบสนองต่อการทักทายของเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวได้มากขึ้นแล้วด้วยเหมือนกัน
 



5. คดีของ อแมนดา น็อกซ์ กับการฆาตกรรมรูมเมทเมื่อ 4 ปีก่อน

           เป็นเรื่องราวใหญ่โตไปทั่วโลกเหมือนกัน สำหรับเหตุสะเทือนขวัญของ อแมนดา น็อกซ์ (Amanda Knox) นักศึกษาสาวกับการตกเป็นจำเลยร่วมกับนายราฟาเอลเล โซลเลซิโต้ แฟนหนุ่มชาวอิตาลี ฐานร่วมกันฆาตกรรม เมเรดิธ เคอร์เชอร์ รูมเมทที่เสียชีวิตในห้องพักซึ่ง น็อกซ์ และ เคอร์เชอร์ เป็นเจ้าของร่วมกัน ก่อนที่เธอจะโดนศาลชั้นต้นพิพากษาให้มีความผิดจริงและต้องโทษจำคุกนาน 26 ปี ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจจะยอมรับได้และทำการต่อสู้คดีมาโดยตลอด

           เวลาผ่านไป 4 ปีหลังที่เธอต่อสู้คดีแม้จะต้องโทษอยู่ในคุกนั้น มาล่าสุดทางศาลอุธรณ์ก็มีคำพิพากษาให้ อแมนด้า พ้นจากความผิดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ใช้เวลากว่า 11 ชั่วโมงในการพิจารณาคดีกับการตรวจดีเอ็นเอบนหลักฐานต่าง ๆ ที่พบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

 



6. Craigslist กับการประกาศจ้างงานที่ไม่ธรรมดา

           จากเครือข่าย "Craigslist" เครือข่ายชุมชนออนไลน์ ที่ให้บริการในการประกาศเรื่องราวต่าง ๆ ธรรมดา ๆ มาคราวนี้ได้มีเอี่ยวกับคดีดังในสหรัฐฯ ซะแล้วเพราะคำโฆษณาจ้างงานจากเมืองเอครอน-แคนตัน ในรัฐโอไฮโอที่บอกว่า "อยากได้คนมาดูแลฟาร์มให้ รวมถึงให้อาหารวัวนิด ๆ หน่อย ๆ จะมีค่าตอบแทนให้อาทิตย์ละ 300 เหรียญสหรัฐฯ (ราว ๆ 9,000 บาท)"

           แน่นอนว่าคำโฆษณานั้นไม่ได้เป็นจริงแต่อย่างใด หากแต่เป็นกับดักเพื่อให้เหยื่อซึ่งเป็นคนที่สนใจอยากได้เงินให้มาหลงกลเท่า นั้น และดูเหมือนว่าจะได้ผลซะด้วย เพราะมีคนหลงกลมาแล้วถึง 3 คนด้วยกัน แต่ทว่าทั้ง 3 คนนั้นตอนนี้ได้เหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณแล้ว โดยศพทั้ง 3 ถูกฝังไว้ในฟาร์มที่ทำการประกาศนั่นเอง จนกระทั่งมาถึงเหยื่อรายที่ 4 ที่หลงกลเข้ามา แต่ทว่ามารู้ความจริงที่ชวนระทึกว่า แท้จริงแล้วคนที่จ้างงานนั้นเป็นพวกวิกลจริต โดยจะให้เหยื่อทำงานในฟาร์มดังกล่าว แล้วใช้ปืนไล่ยิงเสมือนว่าเหยื่อเป็นสัตว์ที่กำลังโดนล่า

           นายสก็อต เดวิส ซึ่งเป็นเหยื่อรายที่ 4 นั้นสามารถหลบหนีออกมาจากฟาร์มนรกนั้นได้ แม้ว่าจะบาดเจ็บถูกยิงที่แขนก็ตาม และเมื่อหนีออกมาได้เขาก็รีบไปแจ้งความทันที จนในท้ายที่สุดแล้วก็มีการนำกำลังบุกจับเจ้าของฟาร์มที่ทำการประกาศจ้างงาน นั้นได้เป็นผลสำเร็จ เริ่มตั้งแต่เด็กหนุ่มวัย 16 ปี นายโบรแกน ราฟเฟอร์ตี้ ที่เป็นตัวการสำคัญในการก่อเหตุฆาตกรรมกับทั้ง 3 ศพที่ผ่านมา แต่แล้วพ่อแม่ของโบรแกนก็ต่อสู้คดีถึงขีดสุด โดยยืนยันอย่างหนักแน่นว่าลูกชายของพวกเขาไม่ได้ไปฆ่าใครอย่างแน่นอน งานนี้ต้องมีคนคอยเสี้ยมสอนลูกเขาอยู่แน่ ๆ

           ว่าแล้วก็มีการสืบสวนคดีนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง นายโบรแกนจึงไม่รอช้า ให้การเพิ่มเติมและโยงใยไปถึงตัวของ นายริชาร์ด บีสลีย์ นักเทศน์วัย 52 ปี ว่านายบีสลีย์นี่ล่ะที่อยู่เบื้องหลังของการล่อลวงผู้คนมาฆาตกรรมทั้งหมด และยังมีการแฉเพิ่มด้วยว่า นายบีสลีย์เคย บีบบังคับให้เด็กอายุ 17 ปี ไปค้าประเวณีด้วย นอกจากนั้นแล้ว ตัวเขาเองยังเคยมีความผิดฐานค้ายาเสพติดมาก่อนหน้านี้อีกต่างหาก!!

 


เลบี้ เคล็ทซกี้ และ เลวี่ อาร์รอน



7. การหายไปของเด็ก 8 ขวบ และสภาพศพที่ไม่มีชิ้นดี

           ถือได้ว่าเป็นคดีที่เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ที่เป็นผู้ปกครองให้พึงตระหนักและ ระมัดระวังบุตรหลานของตัวเองมากเป็นพิเศษ เพราะเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เลบี้ เคล็ทซกี้ (Leiby Kletzky) หนูน้อยวัย 8 ขวบได้เป็นที่จดจำและเป็นที่นึกถึงของหัวอกคนเป็นพ่อและแม่ไปชั่วชีวิต เพราะหนูน้อยคนนี้ได้ถูกพบเป็นศพ หลังจากที่ได้หายตัวไปในระหว่างที่เดินทางกลับจากโรงเรียนเพื่อที่จะไปหาพ่อ แม่คนเดียวเหมือนในวันก่อน ๆ ที่เคยทำตามปกติ

           เมื่อหายไปนานจนผิดปกติเช่นนั้น ทางพ่อแม่ของเลบี้ก็ออกตามหาลูกชายกันยกใหญ่ และได้เข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันอีกแรงหนึ่ง งานนี้ทั้งพ่อแม่ เจ้าหน้าที่ และเพื่อนบ้านต่างช่วยกันสืบเสาะและออกตามหาเลบี้กันให้ทั่ว ทั้งการขึ้นป้ายประกาศและตระเวนตามหาตลอดเวลาแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสว่าเห็นเลบี้เดินไปกับชายแปลกหน้าคนหนึ่ง ทางเจ้าที่จึงเร่งตามสืบหาตัวชายคนนั้นโดยทันที

           เมื่อสืบไปสืบมาก็ทำให้ได้พบว่า ชายคนนั้นคือ นายเลวี่ อาร์รอน วัย 35 ปี เขาได้ลักพาตัวเลบี้ไปจริง ๆ อีกทั้ง ณ ตอนนั้น เลบี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว เพราะถูกนายอาร์รอน ฆ่าหั่นศพตัดแบ่งส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเลบี้อย่างไม่มีชิ้นดี แถมยังมีการหมกศพไว้ในตู้เย็นอีกต่างหาก เล่นเอาหัวใจของพ่อแม่เลบี้แตกสลายไปในทันทีที่ได้ทราบข่าว เบื้อง ต้นนั้น ตามรายงานระบุว่านายอาร์รอน มีความวิตกจริต แต่ก็ยอมรับสารภาพแต่โดยดีว่าทำการฆาตกรรมไปจริง ๆ ก็เลยต้องชดใช้ความผิดตามกฏหมายไปโดยปริยาย

 





8. เด็กจีน 2 ขวบโดนรถเหยียบ แต่ไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ

           เหตุการณ์น่าประณามครั้งนี้เกิดขึ้นกับ หนูน้อย หวัง เยว่ เด็กน้อยวัยเพียงแค่ 2 ขวบ ถูกรถชนแล้วเหยียบซ้ำถึง 2 คันซ้อน แถมคนขับยังเหยียบคันเร่งออกไป เหยียบร่างหนูน้อยซ้ำอีกครั้งหนึ่งราวกับคนไม่มีหัวใจ แต่ที่น่าสลดใจมากกว่านั้น คือหลังจากที่หนูน้อยถูกรถชนนอนแน่นิ่งอยู่บนถนนแล้ว ก็มีผู้คนเดินไปเดินมาหลายคน แต่ทุกคนกลับมองร่างหนูน้อยแล้วเดินเลี่ยงผ่านไปหน้าตาเฉย ไม่มีใครเข้าให้ความช่วยเหลือเลยสักคน

           จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปได้สักระยะหนึ่งแล้วนั้น ก็มีคุณป้าคนหนึ่งที่ทำอาชีพเก็บขยะ เข้ามาช่วยเหลือหนูน้อย หวัง เยว่ ออกมาจากที่เกิดเหตุ แล้วนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ซึ่งแม้ว่าทีมแพทย์จะให้ช่วยชีวิต หวัง เยว่ อย่างสุดกำลังแล้ว แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ หนูน้อย หวัง เยว่ เสียชีวิตไปในที่สุด

            อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ผู้คนและหน่วยงานต่าง ๆ ในจีนได้หันมาตระหนักถึงทั้งการขับขี่รถ การดูแลเด็กเล็ก และศีลธรรมกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่มักจะทำให้พลเมืองดีตกเป็นแพะรับบาป เพราะถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับการทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บเสียเองมานับครั้งไม่ ถ้วนแล้ว และทำให้ฉุกคิดกันได้แล้วว่า การยัดเยียดข้อหาให้คนช่วยชีวิตจนกลายเป็นผู้เกี่ยวข้องเองนั้น ทำให้คนในสังคมไร้ซึ่งมนุษยธรรมมากขึ้นหรือไม่

 



9. การพบผู้พิการทางสมองและเหยื่ออีกนับ 10 รายใต้อพาร์ทเม้นต์

           ชื่อของ ลินดา เวสตัน, จีน แม็คอินทอช และ เอ็ดดี้ ไรท์ คือชื่อของ 3 ผู้ต้องหา ซึ่งมีส่วนพัวพันกับคดีขบวนการลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยวเหยื่อเพื่อแอบ อ้างขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เจ้าหน้าที่เข้าบุกทลายแหล่งกบดาน โดยเจ้าหน้าที่พบเหยื่อเด็กและวัยรุ่น ที่ถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของอพาร์ทเม้นต์อีกนับ 10 ราย โดยทั้งหมดมีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายและขาดสารอาหารอย่างรุนแรง

           การบุกทลายแหล่งกบดานในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าของอพาร์ทเม้นต์สงสัยว่า ลินดา เวสตัน ซึ่งเป็นผู้เช่าห้องไว้ห้องหนึ่งมีพฤติกรรมที่ผิดสังเกตุ เนื่องจากตรวจเจอโซ่ล่ามปิดประตูห้องใต้ดินไว้อย่างแน่นหนา จึงทำให้เกิดความสงสัยว่ามีอะไรอยู่ในห้องนั้น จึงมีการพยายามเปิดเข้าไป และเมื่อเปิดเข้าไปแล้วก็ได้พบว่า ในห้องดังกล่าวมีผู้ใหญ่ซึ่งพิการทางสมอง 4 รายถูกขังไว้ในสภาพแวดล้อมที่น่าตกใจมาก ๆ แถมเหยื่อทั้งหมดยังอยู่ในสภาพที่อิดโรยและขาดสารอาหาร และมีบาดแผลตามตัวเต็มไปหมดอีกด้วย ทางเจ้าของอพาร์ทเม้นต์เองจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ในทันที

           และจากการบุกจับในครั้งนี้ ก็เลยทำให้นางเวสตัน โดนโทษจำคุกไปกว่า 20 ปีเพิ่มเติม หลังจากที่เคยมีความผิดฐานกักขังเหยื่อรายหนึ่งจนเสียชีวิตเพราะขาดสารอาหาร มาแล้ว ขณะที่นางแม็คอินทอชซึ่งเป็นลูกสาวของเวสตัน และนายไรท์ ซึ่งเป็นญาติ ก็โดนจับเข้าซังเตไปด้วย ในฐานะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและได้รับผลประโยชน์จากการกังขังหน่วงเหนี่ยว เหยื่อแบบนี้

 



เอ็ม-โบน
Credit: กระปุกดอดคอม
16 ธ.ค. 54 เวลา 06:15 2,375 3 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...